กระเป๋าเงิน Bitcoin คืออุปกรณ์หรือโปรแกรมที่ช่วยให้คุณสามารถเก็บ ส่ง และรับ Bitcoin รวมถึง altcoins อื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย แต่การจะเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ตอบโจทย์นั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา โดยในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับกระเป๋าเงิน altcoin ที่ดีที่สุด พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเลือกกระเป๋าเงิน crypto ที่เหมาะสม และรีวิวกระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ชมในรูปแบบวีดีโอ
สรุปแนวทางการเลือก Bitcoin Wallet
กระเป๋าเงิน Bitcoin คืออุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันที่เก็บกุญแจส่วนตัว (private key) ของผู้ใช้งาน ที่พร้อมช่วยเชื่อมต่อกับบล็อกเชนของ Bitcoin เพื่อทำธุรกรรม เช่น การส่งหรือรับ Bitcoin โดยในบทความนี้เราได้รวบรวมตัวเลือกแอปกระเป๋าเงินสำหรับมือถือที่ดีที่สุดไว้แล้ว
หากคุณกำลังมองหาคู่มือแบบละเอียดเกี่ยวกับกระเป๋าเงิน crypto รวมถึงรีวิวกระเป๋าเงินแต่ละแบบ และคำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับการเลือกกระเป๋าเงิน crypto ที่ดีที่สุดในปี 2025 บทความนี้จะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ wallet ต่าง ๆ
กระเป๋า Bitcoin Wallet ที่ดีที่สุดในปีนี้
Hardware Wallets:
- Cypherock X1: กระเป๋าเงินที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด โดยไม่มีความเสี่ยงจาก seed phrase เนื่องจาก crypto keys จะถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน และจัดเก็บด้วยชิปความปลอดภัยขั้นสูง
- Tangem: กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์รูปแบบการ์ดที่มาพร้อมความปลอดภัยระดับ EAL6+ พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อจัดการซื้อขายและ stake สกุลเงินดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย
- Ellipal: กระเป๋าเงินแบบ airgapped ที่เน้นการใช้งานแบบออฟไลน์ 100% รองรับ Bitcoin, Solana และ XRP ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยแบบสูงสุด
- Ledger Nano X: กระเป๋าเงินแบบ cold wallet ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ใช้งานง่ายด้วยแอป Ledger Live บนมือถือ ซึ่งมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
- TREZOR Safe 5: ด้วยหน้าจอระบบสัมผัส TREZOR Safe 5 จึงเป็นกระเป๋าเงินที่โดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัยและการใช้งานที่ง่ายดาย เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์
- Blockstream Jade: กระเป๋าเงินแบบ opensource ที่ใช้งานแบบ airgapped และมาพร้อมฟีเจอร์ multisig security ในราคาที่เป็นมิตรเพียง $64.99
Software Wallets:
- Best Wallet: แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินบนมือถือที่มีจุดเด่นในด้านการแสดงข้อมูลเรียลไทม์ รองรับบล็อกเชนหลายเครือข่าย และจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างครบถ้วน
- Exodus: กระเป๋าเงินเดสก์ท็อปที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ ใช้งานง่าย รองรับการจัดเก็บคริปโตหลายสกุล และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Trezor รวมถึงซื้อขายผ่านแอปได้
- Zengo: กระเป๋าเงินแบบ keyless ที่ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูง มาพร้อมฟีเจอร์แลกเปลี่ยนเหรียญและการสร้างรายได้จากดอกเบี้ย
- Margex Wallet: กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ที่รองรับฟีเจอร์การเทรด, copy trading และ staking ใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS
- MEXC Wallet: กระเป๋าเงินที่พัฒนาโดยแพลตฟอร์ม centralized exchange ซึ่งรวมการจัดเก็บ, การเทรด และ staking เอาไว้ในที่เดียว
- Bitcoin Core: สำหรับผู้ใช้งานที่มีความเชี่ยวชาญ Bitcoin Core ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากเป็นกระเป๋าแบบ fullnode ที่ต้องดาวน์โหลดข้อมูล blockchain ทั้งหมด
- Armory: กระเป๋าเงิน opensource ที่เน้นฟีเจอร์ cold storage และการเข้ารหัสขั้นสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย
กระเป๋าเก็บคริปโตแบบร้อนและเย็นที่ดีที่สุด
หากคุณกำลังมองหา hot wallet ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในเดือนมกราคม 2025, Best Wallet ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่น่าสนใจดังนี้:
- Best Wallet มีการออกแบบที่ใช้งานง่ายและมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้การจัดการคริปโตสะดวกขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่มีประสบการณ์ กระเป๋านี้มีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับทุกคน
- อีกจุดเด่นคือฟีเจอร์การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในตัว ซึ่งช่วยให้คุณสามารถซื้อขายได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนและไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มอื่น
- ในด้านความปลอดภัย Best Wallet เก็บกุญแจส่วนตัว (private keys) ไว้บนอุปกรณ์ของผู้ใช้ ทำให้คุณมีการควบคุมสินทรัพย์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นประจำเพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
ระบบรักษาความปลอดภัยยังเสริมด้วยฟีเจอร์ 2FA (TwoFactor Authentication) และการใช้งานผ่านไบโอเมตริก เช่น ลายนิ้วมือหรือการสแกนใบหน้า
Best Wallet รองรับการใช้งานทั้งบน iOS และ Android และยังสามารถเชื่อมต่อกับบล็อกเชนมากกว่า 60 เครือข่ายได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับการเก็บและจัดการคริปโต
หากคุณต้องการ cold wallet สำหรับการใช้งานในเดือนมกราคม 2025, Trezor Safe 3 หรือ Safe 5 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ:
- Trezor เป็นกระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการ ด้วยฟีเจอร์ขั้นสูงและระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
- Safe 5 มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ที่ใช้งานง่ายและตอบโจทย์ผู้ใช้ด้วยประสบการณ์ที่เป็นมิตร ส่วน Safe 3 มีราคาที่คุ้มค่า แต่ไม่มีหน้าจอแบบสัมผัส
- กระเป๋านี้ใช้ secure element chip เพื่อปกป้องกุญแจเข้ารหัสและข้อมูลสำคัญ อีกทั้งยังมีระบบการเก็บ recovery seed ที่เพิ่มความสะดวกเมื่อต้องการกู้คืนข้อมูล
- ด้วยการจัดเก็บกุญแจส่วนตัวแบบออฟไลน์ กระเป๋านี้ช่วยป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ นอกจากนี้ยังมีระบบ PIN เพื่อเสริมความปลอดภัย และยังได้รับการรับรองมาตรฐาน RoHS
- อินเทอร์เฟซของ Trezor ใช้งานง่าย รองรับหลายภาษา และซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ตรวจสอบได้ (opensource) ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
1. Bitcoin Wallet คืออะไร?
กระเป๋า Bitcoin wallet คือโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อใช้ส่งและรับ Bitcoin โดยโปรแกรมนี้มีหน้าที่ในการเชื่อมต่อกับบัญชีแยกประเภทของ Bitcoin หรือที่เรียกกันว่า blockchain ซึ่งกระเป๋า Bitcoin wallet มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ โปรแกรมสำหรับคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์แบบพิเศษ (เราจะพูดถึงในภายหลัง) ทั้งนี้
โดยสิ่งแรกที่ควรรู้คือ กระเป๋าเงิน Bitcoin หรือ crypto wallet นั้นมีอยู่สองประเภทหลัก ได้แก่ noncustodial wallets ซึ่งคุณจะเป็นผู้ควบคุมกุญแจส่วนตัว (Private Key) ทั้งหมด และ custodial wallets ที่ผู้ให้บริการจะถือกุญแจส่วนตัวแทนคุณ สำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าเงินในรูปแบบแอปพลิเคชัน
ในบทความนี้ เราจะใช้คำว่า “crypto wallet” และ “Bitcoin wallet” สลับกัน แต่ความหมายยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีกระเป๋าที่รองรับเฉพาะ Bitcoin อยู่บ้าง แต่กระเป๋าชั้นนำในตลาดส่วนใหญ่ รวมถึงกระเป๋าที่เราจะแนะนำในบทความนี้ มักรองรับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ด้วย เช่น Ethereum, stablecoins และ altcoins ต่าง ๆ
หากเปรียบเทียบอย่างง่าย Bitcoin wallet มีความคล้ายคลึงกับการใช้งานอีเมล หากคุณต้องการส่งหรือรับอีเมล คุณจำเป็นต้องมีโปรแกรมหรือแพลตฟอร์มที่ใช้ เช่น Gmail หรือ Outlook เช่นเดียวกันกับ Bitcoin การรับ Bitcoin จำเป็นต้องมีที่อยู่เฉพาะตัวที่เรียกว่า Bitcoin address ซึ่งสามารถแชร์ให้ผู้อื่นเพื่อส่ง Bitcoin มายังคุณได้
ตัวอย่างของ Bitcoin address จะมีลักษณะดังนี้: 1BoatSLRHtKNngkdXEeobR76b53LETtpyT
(ที่อยู่ของ Bitcoin address มักจะเริ่มต้นด้วย “1”, “3” หรือ “bc1”)
เมื่อคุณมี Bitcoin address ของคุณแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือรหัสผ่าน โดยในระบบอีเมล คุณสามารถตั้งรหัสผ่านเองได้ แต่สำหรับ Bitcoin wallet ระบบจะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มให้คุณ ซึ่งรหัสผ่านนี้เรียกว่า private key มันเปรียบเสมือนรหัสผ่านอีเมลที่สำคัญอย่างยิ่ง และต้องเก็บรักษาไว้เป็นความลับ
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด private key ควรจัดเก็บแบบออฟไลน์ ไม่ควรเก็บไว้ในไฟล์บนคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการจดไว้ในกระดาษ หรือบันทึกไว้ในแฟลชไดรฟ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งนี่เป็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำสำหรับการปกป้อง private key ของคุณ
2. Private Key คืออะไร?
Private Key คือชุดตัวเลขและตัวอักษรที่มีความยาวมาก ซึ่งทำหน้าที่เป็นรหัสผ่านสำหรับการเข้าถึง Bitcoin ของคุณ โดย Private Key นี้เป็นสิ่งที่ทำให้กระเป๋าเงินของคุณสามารถสั่งการให้เครือข่าย Bitcoin ทำธุรกรรมหรือโอน Bitcoin ไปยังปลายทางอื่นได้ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำไว้คือ ใครก็ตามที่รู้ Private Key ของคุณ จะมีอำนาจควบคุม Bitcoin ของคุณทั้งหมด
นอกจากนี้ Private Key ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้าง Bitcoin Address ของคุณด้วย กระบวนการนี้สามารถอธิบายได้ดังนี้:
- คุณดาวน์โหลดโปรแกรมกระเป๋าเงิน (Wallet Apps) ลงในโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ
- โปรแกรมดังกล่าว ซึ่งบางครั้งเรียกว่า Client จะทำการสุ่มสร้าง Private Key ขึ้นมา
- จากนั้น Bitcoin Address จะถูกสร้างขึ้นโดยการนำ Private Key ไปผ่านกระบวนการทางคณิตศาสตร์เฉพาะ
- แม้ว่า Bitcoin Address จะถูกสร้างจาก Private Key แต่ก็ไม่มีทางที่ใครจะสามารถถอดรหัสหรือหาค่า Private Key ของคุณได้จาก Bitcoin Address เนื่องจากกระบวนการนี้เป็นแบบทางเดียว (Oneway Process)
หน้าที่หลักของกระเป๋าเงิน Bitcoin คือการสร้าง เก็บรักษา และใช้งาน Private Key กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กระเป๋าเงินทำหน้าที่จัดการกระบวนการเข้ารหัสที่ซับซ้อนและการทำงานบนบล็อกเชนให้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน ดังนั้นสิ่งสำคัญจริงๆ ไม่ใช่ตัวโปรแกรมกระเป๋าเงิน แต่คือ Private Key ที่อยู่ภายใน
ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้แอปกระเป๋าเงิน Bitcoin บนโทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์ของคุณถูกขโมยไป แต่ก่อนหน้านั้นคุณได้จด Private Key ลงบนกระดาษไว้ คุณสามารถดาวน์โหลดแอปกระเป๋าเงิน Bitcoin ใหม่ลงในโทรศัพท์เครื่องอื่น นำ Private Key ไปใส่ในกระเป๋าเงินใหม่นั้น และกู้คืนการควบคุม Bitcoin ของคุณได้อีกครั้ง
วิธีเก็บรักษา Seed Phrase อย่างปลอดภัย
ในการใช้งานกระเป๋าเงินแบบ noncustodial ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึง private key และทรัพย์สินดิจิทัลของตัวเองผ่าน seed phrase ซึ่งเป็นชุดคำศัพท์ที่มีจำนวน 12, 18 หรือ 24 คำ การป้อนชุดคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตของคุณได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น การเก็บรักษา seed phrase จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ไม่ควรมองข้าม
หนึ่งในวิธีที่คุณสามารถรักษาความปลอดภัยของ seed phrase คือการใช้เครื่องมือจัดเก็บ เช่น Cryptotag อุปกรณ์นี้ช่วยให้คุณสามารถจารึก seed phrase จำนวน 24 คำลงบนแผ่นไทเทเนียมเกรดอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อไฟ น้ำ และกระสุนปืน นอกจากนี้ Cryptotag ยังสามารถใช้งานร่วมกับกระเป๋าเงินชั้นนำอย่าง Ledger, Trezor และ Metamask ได้อีกด้วย
กระเป๋าเงิน Custodial vs. NonCustodial
กระเป๋าเงินคริปโตสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ Custodial และ NonCustodial โดยมีความแตกต่างกันในด้านการควบคุม private key
สำหรับกระเป๋าเงินแบบ NonCustodial ผู้ใช้งานจะเป็นเจ้าของ private key แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครนอกจากคุณที่สามารถเข้าถึง seed phrase หรือ private key ของกระเป๋าเงินได้ นี่คือเหตุผลที่ผู้ใช้งานหลายคนเลือกใช้กระเป๋าเงินประเภทนี้เพราะมั่นใจในความปลอดภัยของทรัพย์สิน
ในทางกลับกัน กระเป๋าเงินแบบ Custodial นั้นมีความคล้ายคลึงกับบัญชีธนาคารทั่วไป คุณสามารถเก็บ Bitcoin ของคุณไว้ในกระเป๋านี้ได้ แต่คุณจะไม่ได้เป็นเจ้าของ private key เพราะบริษัทที่ให้บริการกระเป๋าเงินจะเป็นผู้ถือ private key แทนคุณ ความเสี่ยงของการใช้กระเป๋าเงิน Custodial คือ หากบริษัทผู้ให้บริการเกิดปัญหาทางการเงิน เช่น ล้มละลาย หรือเกิดการทุจริต บริษัทอาจทำการอายัดเงินของคุณ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือขโมยทรัพย์สินไป
ในชุมชน Bitcoin มักมีคำพูดที่ว่า “Not your keys, not your Bitcoin” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้กระเป๋าเงิน Custodial ได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานบางคนอาจชอบกระเป๋าเงินแบบ Custodial มากกว่า เพราะไม่ต้องการรับผิดชอบการจัดการ private key ด้วยตัวเอง
3. การพัฒนาของ HD Wallet
เมื่อ Bitcoin wallet ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง HD wallet หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Hierarchical Deterministic Wallet ก็ถือกำเนิดขึ้นตามมา โดย HD wallet มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถสร้างวลีที่เรียกว่า “seed” หรือ “mnemonic phrase” ขึ้นมาได้ วลีนี้ประกอบด้วยคำศัพท์ทั่วไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถจดจำได้ง่ายกว่าการต้องจดจำ private key ที่มีลักษณะเป็นชุดตัวเลขและตัวอักษรที่ยาวและซับซ้อน
ลองจินตนาการดูว่าการจดจำคำศัพท์ง่าย ๆ เพียง 12 คำนั้นสะดวกกว่าการต้องเขียนชุดรหัสส่วนตัวที่เต็มไปด้วยตัวเลขและตัวอักษรที่ยุ่งยากขนาดไหน
นอกจากนี้ HD wallet ยังมีความสามารถในการสร้าง Bitcoin address ได้หลายที่อยู่จาก seed เดียวกัน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ได้มีเพียง Bitcoin address เดียว แต่สามารถสร้างที่อยู่ที่หลากหลายสำหรับใช้งานได้ และไม่ว่าการทำธุรกรรมจะถูกส่งไปยัง Bitcoin address ใดที่สร้างจาก seed เดียวกัน ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกรวมอยู่ใน wallet เดียวกัน
4. ประเภทของ Wallet
Bitcoin wallet มีอยู่สองประเภทหลักๆ คือ Cold Wallet และ Hot Wallet
Cold Wallet: วิธีที่ปลอดภัยในการเก็บ Bitcoin
Cold Wallet (หรือที่เรียกว่า Cold Storage) หมายถึงกระเป๋าเงินที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่สามารถถูกแฮกผ่านทางออนไลน์ได้ ตัวอย่างของ Cold Wallet ได้แก่ Hardware Wallet, Paper Wallet และ Brain Wallet โดยทั้งหมดนี้ถือเป็น NonCustodial Wallet ซึ่งผู้ใช้งานจะเป็นผู้ควบคุม Private Key ด้วยตัวเอง
Hardware Wallet
Hardware Wallet คืออุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นฮาร์ดแวร์สำหรับเก็บ Private Key อย่างปลอดภัย ส่วนใหญ่จะมีรูปแบบคล้ายกับแฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์เล็กๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการ Bitcoin หรือคริปโตอื่นๆ ได้สะดวก
จุดเด่นของ Hardware Wallet คือการปกป้อง Private Key แม้ว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่จะติดมัลแวร์ก็ตาม คุณสามารถใช้งาน Hardware Wallet ได้แม้จะเป็นคอมพิวเตอร์สาธารณะที่ไม่น่าไว้วางใจ อย่างไรก็ตาม หากต้องการส่ง Bitcoin ออกจาก Wallet คุณจะต้องเสียบอุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์ และใช้งานผ่านซอฟต์แวร์หรือเว็บไซต์ที่รองรับ
Hardware Wallet นับว่าเป็นตัวเลือกที่ผสมผสานระหว่าง ความปลอดภัย และ ความสะดวกในการใช้งาน ได้อย่างลงตัว ข้อเสียเพียงเล็กน้อยคือคุณต้องมีอุปกรณ์ติดตัวเสมอเมื่อจะทำธุรกรรม และ Hardware Wallet มีต้นทุนที่ต้องจ่าย
ประเภทของ Hardware Wallet
ในกลุ่มของ Hardware Wallet ยังแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ ได้แก่:
- Traditional Hardware Wallets เช่น Trezor และ Ledger ซึ่งต้องเสียบอุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน
- AirGapped Wallets เช่น Ellipal และ NGRAVE ที่ออกแบบให้ไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลกับอุปกรณ์ใดๆ โดยตรง ซึ่งช่วยลดโอกาสถูกโจมตีจากระยะไกลได้ AirGapped Wallets จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชันที่พัฒนามาโดยผู้ผลิต และการทำธุรกรรมจะใช้งานผ่านการสแกน QR Code เท่านั้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ชี้ชัดว่า Hardware Wallet ประเภทใดปลอดภัยกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของผู้ใช้งานว่าจะสะดวกกับการเสียบอุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือชอบสแกน QR Code เพื่อประสานงานระหว่าง Wallet และโทรศัพท์มือถือ
เลือก Bitcoin Wallet อันไหนดี?
หากคุณกำลังมองหา Hardware Wallet ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง เรามีรีวิวและคำแนะนำเกี่ยวกับ Bitcoin Hardware Wallet ชั้นนำ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น นอกจากนี้ หากคุณยังไม่เข้าใจว่า bitcoin wallet คืออะไร หรือสงสัยเกี่ยวกับ wallet bitcoin แบบต่างๆ คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากบทความในเว็บไซต์ของเราได้
กระเป๋าเงิน | ความคิดเห็นของเรา | ข้อดี | ข้อเสีย | รีวิว |
Trezor | เหมาะสำหรับการใช้งานรอบด้าน | ความปลอดภัยสูง, ใช้งานง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น, ราคาย่อมเยา | ขาดการเข้าถึง DApp และ DeFi เมื่อเทียบกับ Ledger และ Ellipal | Trezor Safe 3, Trezor Safe 5 |
Ellipal | ดีที่สุดสำหรับการเข้าถึง DApp/DeFi | ความปลอดภัยสูง, รองรับเหรียญได้ดีที่สุด | ข้อเสีย: ราคา | Ellipal Titan 2.0 |
Cypherock X1 | กระเป๋าที่ปลอดภัยที่สุดในตลาด | ความปลอดภัยที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด, รองรับ Shamir Secret Sharing | แอปเดสก์ท็อป cySync มีฟังก์ชันการทำงานจำกัด | Cypherock |
Paper wallets
Paper wallets คือเอกสารที่มีการเขียน private key หรือ seed ไว้บนกระดาษนั้นโดยตรง การเก็บ private key บนกระดาษหมายความว่ามีเพียงผู้ที่สามารถเข้าถึงกระดาษนั้นได้เท่านั้นที่สามารถขโมย Bitcoin ของคุณได้ อย่างไรก็ตาม กระดาษ wallets มีความเปราะบางและเสียหายได้ง่าย ดังนั้นจึงควรทำสำเนาหลายชุดเพื่อป้องกันการสูญหาย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถกู้คืน Bitcoin ได้ในกรณีที่กระดาษต้นฉบับสูญหาย
นอกจากนี้ หากต้องการใช้งาน Bitcoin ที่เก็บไว้ในกระดาษ wallet คุณจำเป็นต้องนำ private key ไป import เข้ากับ wallet bitcoin ในรูปแบบดิจิทัลก่อน ซึ่งกระดาษ wallets ไม่ค่อยได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากความไม่สะดวกในการใช้งานเมื่อเทียบกับ bitcoin hardware wallet ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจมากขึ้น หากคุณกำลังพิจารณาว่า bitcoin wallet อันไหนดี การใช้ hardware wallet อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าในยุคนี้
Hot Wallets – วิธีจัดเก็บ Bitcoin ที่สะดวกที่สุด
Hot Wallet หมายถึงรูปแบบของ Bitcoin wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น wallet ที่เชื่อมต่อกับบริการบนเว็บ, wallet ที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, หรือแม้กระทั่ง wallet ที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือของคุณ ตราบใดที่อุปกรณ์นั้นมีการเชื่อมต่อข้อมูลเข้าและออกผ่านอินเทอร์เน็ต
หากถามว่า Hot Wallet ควรถือว่าเป็น “online wallet ที่ดีที่สุด” หรือไม่ คำตอบขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของ crypto wallet มากน้อยเพียงใด Hot Wallet เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความปลอดภัยนั้นยังถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีเก็บรักษาประเภทอื่นๆ เนื่องจากการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตทำให้ง่ายต่อการถูกเข้าถึงจากบุคคลภายนอก
ปัจจุบัน Hot Wallet ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้ทั้งบนแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและมือถือ
Desktop Wallets
Desktop Wallets เป็นประเภทของ Hot Wallet ที่เก็บ private key ไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีมัลแวร์หรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัยใดๆ Bitcoin ของคุณก็จะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในโลกความเป็นจริง การปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัย 100% เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก นี่ทำให้ Desktop Wallets ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์
ดังนั้น หากคุณกำลังมองหา *bitcoin wallet อันไหนดี* สำหรับการใช้งานบนเดสก์ท็อป อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ
Mobile Wallets & Apps
เป็นวอลเล็ตสำหรับเก็บ private key บนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งหลายคนมองว่ามีความปลอดภัยน้อยกว่า *bitcoin hardware wallet* แต่ยังปลอดภัยกว่า wallet ที่มาในรูปแบบส่วนขยายของเบราว์เซอร์ เช่น Metamask หรือ Phantom
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโทรศัพท์มือถือมักจะหาย เสียหาย หรือถูกขโมย การเพิ่มการป้องกันอย่างการใช้สองปัจจัยยืนยันตัวตน (2FA), การตั้งรหัสผ่านสำหรับ wallet, และการสำรองข้อมูล private key ถือเป็นสิ่งที่จำเป็น
Mobile Wallets ยังมาในรูปแบบแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เก็บและปกป้อง private key สำหรับ Bitcoin รวมถึงคริปโตอื่นๆ โดยติดตั้งไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์หรือในโทรศัพท์มือถือของคุณ
แม้ว่า Mobile Wallets และแอปฯ จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีมาตรการป้องกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ควรจัดเก็บเงินจำนวนมากไว้ใน wallet ประเภทนี้ เนื่องจากความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมที่ยังไม่ปลอดภัย
กระเป๋าเว็บ (Web Wallets)
บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ Bitcoin เช่น ตลาดซื้อขาย, แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน, และเว็บไซต์เดิมพัน มักจะขอให้คุณฝากเงินเข้าสู่กระเป๋าออนไลน์แบบ hot wallet ของพวกเขา เพื่อดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ
กระเป๋าเว็บเหล่านี้ถือเป็นตัวเลือกที่มีความปลอดภัยน้อยที่สุดสำหรับการเก็บ Bitcoin เนื่องจากผู้ให้บริการจะเป็นผู้ถือครอง private key ของ Bitcoin ที่เก็บไว้บนแพลตฟอร์ม กล่าวได้ว่านี่เป็นกระเป๋าแบบ custodial wallet นั่นเอง
กระเป๋าเว็บยังมีความเสี่ยงต่อการถูกแฮกมากกว่า เนื่องจากมีจุดอ่อนหลายจุดที่อาจถูกโจมตีได้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่คุณใช้งาน อุปกรณ์ที่คุณเชื่อมต่อ หรือแม้แต่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่อาจถูกดักข้อมูล เพื่อขโมย Bitcoin ของคุณ
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของกระเป๋าเว็บคือความสะดวกสบายสูง คุณสามารถซื้อ, ขาย, หรือส่ง Bitcoin ได้ทันทีที่ต้องการ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำธุรกรรมบ่อย ๆ โดยไม่ต้องจัดการกระเป๋าเอง
ทั้งนี้บริการกระเป๋าเว็บที่มีความน่าเชื่อถือมักจะมีฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (TwoFactor Authentication) อย่างการส่งข้อความยืนยันทุกครั้งที่มีการล็อกอิน
แต่ถึงแม้จะมีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เราแนะนำว่าอย่าเก็บ Bitcoin จำนวนมากไว้ในกระเป๋าเว็บเด็ดขาด เพราะความเสี่ยงนั้นไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระเป๋าแบบ custodial wallet เพื่อป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์
กระเป๋า No KYC Wallets
นี่คือคำแนะนำที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเป๋า No KYC ที่เราได้รวบรวมกระเป๋า 5 อันดับแรกไว้ให้คุณรับชมได้ที่ลิงก์นี้:
แต่ก่อนอื่น มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเป๋าประเภทนี้กัน
กระเป๋า No KYC (Know Your Customer) คือกระเป๋าสำหรับเก็บและทำธุรกรรมคริปโตโดยไม่ต้องยืนยันตัวตนหรือส่งเอกสารส่วนตัว ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความไม่เปิดเผยตัวตนในการทำธุรกรรม
ต่างจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ที่ต้องมีการยืนยันตัวตน กระเป๋า No KYC เป็นกระเป๋าแบบ noncustodial กล่าวคือ คุณจะเป็นผู้ควบคุม private key ของคุณเองทั้งหมด ทำให้ Bitcoin หรือคริปโตอื่น ๆ ที่คุณครอบครองอยู่ในความดูแลของคุณโดยไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่สินทรัพย์จะถูกอายัดหรือแช่แข็ง
อย่างไรก็ตาม กระเป๋า No KYC ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณา เช่น ความไม่สะดวกเมื่อต้องเชื่อมต่อกับบริการหรือแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ที่ต้องการการยืนยันตัวตน นอกจากนี้ ผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของกระเป๋าเองทั้งหมด หากคุณทำ private key หรือ recovery phrase สูญหาย นั่นหมายความว่าสินทรัพย์ของคุณจะสูญเสียไปโดยไม่สามารถกู้คืนได้
ในทางกลับกัน กระเป๋า No KYC ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกระดับ โดยลดความเสี่ยงจากการที่ข้อมูลส่วนตัวถูกเจาะระบบบนแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ กระเป๋าบางประเภทอาจมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การใช้ Tor routing หรือระบบ coin mixing เพื่อเพิ่มความไม่สามารถติดตามได้ของธุรกรรม
ความน่าสนใจของกระเป๋า No KYC สำหรับหลายคนคือการซื้อขายและจัดการคริปโตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเฝ้าระวังหรือการกำกับดูแลที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้กระเป๋าประเภทนี้ควรทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และแน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงและมีความพร้อมในการจัดการความปลอดภัยด้วยตัวเอง
ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยไม่ลดทอนความสะดวกในการใช้งาน กระเป๋า No KYC ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่อย่าลืมว่าควรหลีกเลี่ยงการเก็บสินทรัพย์จำนวนมากในกระเป๋าใด ๆ หากยังไม่เข้าใจความเสี่ยงอย่างถ่องแท้
แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัย
เพื่อให้การเก็บรักษาเงินดิจิทัลของคุณปลอดภัยสูงสุด การใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์ก็ตาม ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำคัญที่คุณควรปฏิบัติตาม:
ใช้กระเป๋าเงินแบบ MultiSignature
การเลือกใช้กระเป๋าเงินแบบ MultiSignature (multisig) สามารถเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมาก เนื่องจากต้องใช้กุญแจส่วนตัวหลายชุดเพื่อยืนยันธุรกรรม ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่าให้ต้องใช้กุญแจ 2 จาก 3 ชุดเพื่ออนุมัติการโอนเงิน วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกขโมย เพราะไม่มีบุคคลใดสามารถเข้าถึงเงินได้เพียงลำพัง
เลือกใช้ Cold Storage
กระเป๋าเงินแบบ Cold Storage เช่น Hardware Wallets หรือ Paper Wallets เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บเงินดิจิทัลระยะยาว เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้ปลอดภัยจากการโจมตีผ่านโลกออนไลน์ แบรนด์ยอดนิยมอย่าง Ledger และ Trezor เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับการเก็บรักษา private keys โดยมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครบครัน เช่น การป้องกันด้วย PIN และการยืนยันธุรกรรมด้วยการกดปุ่มบนอุปกรณ์
เก็บรักษา Seed Phrase ของคุณอย่างปลอดภัย
Seed Phrase เปรียบเสมือนรหัสสำรองสำหรับกระเป๋าเงิน bitcoin ของคุณ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกู้คืนเงินได้ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย อุปกรณ์อย่าง Cryptotag สามารถเก็บ Seed Phrase ของคุณลงบนแผ่นโลหะที่ทนต่อไฟและน้ำได้ ดังนั้นควรเก็บ Seed Phrase ในที่ปลอดภัยและอยู่ออฟไลน์ และที่สำคัญห้ามแชร์กับผู้อื่นโดยเด็ดขาด
เปิดใช้งาน TwoFactor Authentication (2FA)
สำหรับกระเป๋าเงินแบบ hot wallet การเปิดใช้งาน 2FA ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง แอปพลิเคชันยอดนิยม เช่น Google Authenticator หรือ Authy เป็นตัวเลือกที่ดีในการป้องกันการเข้าถึง wallet bitcoin ของคุณ โดยต้องใช้ขั้นตอนการยืนยันเพิ่มเติมเพื่อเข้าใช้งาน
5. Bitcoin Wallet แบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด?
การเลือกกระเป๋า Bitcoin ที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะตัวของแต่ละคน เนื่องจากผู้ใช้งานต่างก็มีเป้าหมายในการใช้กระเป๋า Bitcoin ที่แตกต่างกันออกไป เช่น หากคุณต้องการเก็บ Bitcoin จำนวนมากอย่างปลอดภัยที่สุด กระเป๋าแบบ cold storage หรือ hardware wallet จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่หากคุณเพียงต้องการใช้จ่ายเพื่อซื้อกาแฟสักแก้ว กระเป๋าออนไลน์ที่ใช้งานบนมือถือก็อาจตอบโจทย์มากกว่า ในขณะเดียวกัน หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการคริปโตและกำลังมองหากระเป๋าที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เราแนะนำให้ลองใช้ hot wallet ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
โดยทั่วไปแล้ว กระเป๋าเหล่านี้มีความแตกต่างในแง่ของ “ความปลอดภัย” และ “ความสะดวกสบาย” คุณจึงต้องตัดสินใจว่าคุณให้ความสำคัญกับด้านใดมากกว่า เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้เหมาะสมที่สุด คุณควรถามตัวเองด้วยคำถามดังต่อไปนี้:
- จำนวน Bitcoin ที่ต้องการเก็บรักษา
- ความถี่ในการใช้งานกระเป๋า
- งบประมาณ
- ความจำเป็นในการเก็บเหรียญคริปโตอื่นๆ นอกจาก Bitcoin
- ความจำเป็นในการพกพากระเป๋าเมื่อเดินทาง
- ต้องการแชร์การใช้งานกระเป๋ากับผู้อื่นหรือไม่?
- ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
- การให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว
- คุณไว้ใจตัวเองในการดูแลกระเป๋า หรืออยากให้บุคคลที่สามช่วยจัดการแทน?
บางคนอาจเลือกใช้กระเป๋ามากกว่าหนึ่งประเภทเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น คุณสามารถใช้ hardware wallet สำหรับเก็บ Bitcoin จำนวนมากเพื่อความปลอดภัยสูงสุด และใช้ mobile wallet ที่มีจำนวน Bitcoin เล็กน้อยสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ในกรณีที่คุณต้องการใช้งาน DeFi คุณอาจเก็บเฉพาะจำนวนเงินที่จำเป็นไว้ใน browser extension wallet ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าโทรศัพท์มือถือของคุณจะเสียหายหรือถูกขโมย หรือหาก browser extension wallet ถูกแฮ็ก คุณก็ยังสามารถป้องกันการสูญเสีย Bitcoin ทั้งหมดที่คุณมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จะหากระเป๋า Bitcoin Wallet ได้อย่างไร?
กระเป๋าเงินสำหรับเก็บ Bitcoin มีให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าแบบ Desktop หรือ Mobile ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากอินเทอร์เน็ต หรือแบบ Hardware Wallet ที่สามารถสั่งซื้อออนไลน์และจัดส่งถึงบ้านหรือที่ทำงานได้ ส่วนกระเป๋าแบบ Web Wallet จะต้องสมัครใช้งานผ่านบริการที่รองรับโดยตรง
คำแนะนำ: หากคุณกำลังเลือกซื้อ Hardware Wallet สิ่งสำคัญที่สุดการสั่งซื้อโดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการซื้อจากผู้ขายมือสองหรือร้านที่ไม่เป็นทางการ เนื่องจากมีกรณีที่ผู้ใช้งานซื้อกระเป๋าที่ถูกดัดแปลงจากตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือบางครั้งเจ้าของเดิมอาจเก็บ Private Key เอาไว้ ส่งผลให้เงินในกระเป๋าถูกสูญเสียอย่างถาวร
กระเป๋า Bitcoin Hardware Wallet ที่ดีที่สุด
Cypherock
Cypherock X1 เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินคริปโตที่ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก จุดเด่นสำคัญคือการขจัดความเสี่ยงจากการใช้ Seed Phrase โดยระบบจะทำการแยก Crypto Keys ออกเป็น 5 ส่วน ซึ่งจะแจกจ่ายไปยังอุปกรณ์ 4 X1 Hardware Wallet Cards และ X1 Vault หนึ่งเครื่อง
X1 Vault ถูกออกแบบด้วย DualChip Architecture ส่วน X1 Cards ใช้ชิปที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน EAL6+ ซึ่งเป็นระดับความปลอดภัยเทียบเท่ากับชิปที่ใช้ในบัตรเครดิตธนาคาร ด้วยเทคโนโลยีนี้ Cypherock จึงมั่นใจได้ว่ากระเป๋าเงินของคุณจะได้รับการปกป้องในระดับสูง
Tangem
Tangem เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ตที่ช่วยเก็บรักษา Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ ด้วยดีไซน์ที่มาในรูปแบบการ์ดพกพา พร้อมชิปที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน EAL6+ ทำให้ Tangem มอบทั้งความปลอดภัยระดับสูงและใช้งานง่ายสำหรับผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ ยังมีแอป Tangem ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานติดตามความเคลื่อนไหวในตลาด และสามารถใช้งานฟีเจอร์เสริม เช่น การซื้อขาย, การสวอป และการสเตกคริปโตได้อีกด้วย
Ellipal
Ellipal เป็นหนึ่งในฮาร์ดแวร์วอลเล็ตชั้นนำที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AirGapped ซึ่งทำให้ตัวอุปกรณ์ทำงานแบบออฟไลน์อย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้งานสามารถยืนยันธุรกรรมได้ง่าย ๆ ผ่านการสแกน QR Code บนอุปกรณ์ ผ่านแอปพลิเคชันของ Ellipal โดยวอลเล็ตนี้รองรับโทเคนจากบล็อกเชนของ Bitcoin, Solana และ XRP อีกทั้ง Ellipal ยังมีสองรุ่นหลักให้เลือก ได้แก่ Ellipal Titan 2.0 และ Ellipal Titan Mini
Ledger
Ledger เป็นผู้ผลิตวอลเล็ตแบบ Cold Storage ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลของตน วอลเล็ตของ Ledger มาในรูปแบบอุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ก่อนจึงจะสามารถส่ง Bitcoin หรือคริปโตอื่น ๆ ได้ Ledger มีฮาร์ดแวร์วอลเล็ตหลายรุ่น เช่น Ledger Nano S Plus และ Ledger Nano X ซึ่งรุ่นหลังมาพร้อมฟีเจอร์การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth
TREZOR
TREZOR เป็นบริษัทบุกเบิกด้านฮาร์ดแวร์วอลเล็ต ซึ่งเป็นที่ชื่นชมในชุมชน Bitcoin อย่างกว้างขวาง ด้วยการผสมผสานความปลอดภัยระดับโลกเข้ากับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และความสามารถในการใช้งานร่วมกับวอลเล็ตบนเดสก์ท็อปอื่น ๆ TREZOR จึงเหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เชี่ยวชาญ
Blockstream Jade
Blockstream Jade เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ตแบบ NonCustodial ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Multisig Shield และการจัดเก็บคีย์แบบออฟไลน์ ตัววอลเล็ตมีกล้องในตัวที่ช่วยรองรับการทำธุรกรรมแบบ AirGapped อย่างเต็มรูปแบบ Blockstream Jade ยังเป็นโอเพนซอร์ส พร้อมการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงด้วยระบบ Remote Secure Element ที่พัฒนาโดย Blind Oracle Model และมีราคาจำหน่ายเพียง $64.99
กระเป๋าเงิน Bitcoin Desktop Wallet ที่ดีที่สุด
Exodus
Exodus เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่เพียงแค่รองรับ Bitcoin แต่ยังสามารถเก็บ Ethereum, Binance Coin, Dogecoin, Solana และเหรียญคริปโตอื่น ๆ ได้อีกมากมาย จุดเด่นของกระเป๋าเงินนี้คือการออกแบบที่สวยงามและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แม้แต่มือใหม่ก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ Exodus ยังให้คุณสามารถแลกเปลี่ยนและเทรดคริปโตได้โดยตรงภายในแอป กระเป๋าเงินนี้สามารถใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Trezor ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ยอดนิยม หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คุณสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มของ Exodus ได้
Bitcoin Core
Bitcoin Core หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bitcoin QT เป็นกระเป๋าเงินแบบ Full Node ที่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดของบล็อกเชน Bitcoin ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่ในทางกลับกันก็ช่วยให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงหลายอย่างที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์สูง
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงกระเป๋าเงินนี้เนื่องจากอินเทอร์เฟซที่ไม่เป็นมิตรและการใช้งานที่ซับซ้อน
Armory
เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยสำหรับ Bitcoin โดยกระเป๋าเงินนี้เป็นโอเพ่นซอร์สและเหมาะสำหรับผู้ใช้งานขั้นสูง หากคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัยอย่างสูงสุด
โดย Armory ควรเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เนื่องจากมีฟีเจอร์การเข้ารหัสขั้นสูงและตัวเลือกการจัดเก็บแบบออฟไลน์ รวมถึงรองรับการทำธุรกรรมแบบ multisig ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการใช้งาน
กระเป๋า Bitcoin Wallet บนมือถือที่ดีที่สุดคืออะไร?
Best Wallet
Best Wallet เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในหมวดกระเป๋า Bitcoin wallet บนมือถือของเรา ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและครอบคลุม ผู้ใช้งานสามารถติดตามข้อมูลตลาดของเหรียญต่าง ๆ พร้อมทั้งใช้เครื่องมือจัดการพอร์ตโฟลิโอเพื่อดูผลกำไรและขาดทุนแบบเรียลไทม์ได้
แอปพลิเคชันนี้ยังใช้งานง่ายและรองรับการเข้าถึงเหรียญดิจิทัลบนบล็อกเชนหลากหลาย เช่น Ethereum และ Polygon
นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถซื้อ $BEST ซึ่งเป็นเหรียญของแพลตฟอร์มเพื่อรับส่วนลดค่าธรรมเนียมการเทรดได้อีกด้วย Best Wallet จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญ
จุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้เราชื่นชอบคือ ความสามารถในการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้โดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนภายนอก
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Best Wallet สามารถดูรีวิวแบบละเอียดได้ที่ลิงก์นี้ หรือชมรีวิวในรูปแบบวิดีโอจาก ClayBro ได้ที่:
Exodus
Exodus ถือเป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานมือถือ ด้วยความสามารถในการจัดการและแลกเปลี่ยนคริปโตมากกว่า 300 สกุลได้ทุกที่ทุกเวลา แอป Exodus รองรับเหรียญจากเครือข่ายบล็อกเชนมากกว่า 50 เครือข่าย พร้อมทั้งมีฟีเจอร์ Swap ในตัวที่ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น
ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะได้รับการปกป้องอย่างดี เนื่องจากกุญแจส่วนตัว (private key) และข้อมูลการเข้ารหัสทั้งหมดจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยในกระเป๋าเงินมือถือ อีกทั้ง Exodus ยังมีทีมสนับสนุนที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
Zengo
Zengo เป็นกระเป๋าเงินที่ให้ความปลอดภัยสูง โดยไม่ต้องพึ่งการจัดการ private key แบบดั้งเดิม บริษัทใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยกระจายความปลอดภัยทั้งในอุปกรณ์มือถือของผู้ใช้งานและเซิร์ฟเวอร์ของ Zengo
แอปกระเป๋าเงินนี้ยังเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น บริการแลกเปลี่ยนเหรียญ แพลตฟอร์มเทรด และบัญชีที่สามารถสร้างดอกเบี้ยได้ ล่าสุด Zengo ได้เปิดตัวกระเป๋าเงินเดสก์ท็อปที่แตกต่างจากแอปคริปโตทั่วไป โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมไว้ในคอมพิวเตอร์ และใช้เทคโนโลยี MultiParty Computation เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของคุณอย่างปลอดภัย
Margex Wallet
Margex Wallet เป็นกระเป๋าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาจากแพลตฟอร์ม Centralized Exchange (CEX) ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin และคริปโตประเภท Altcoins ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บและบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างสะดวก
ด้วย Margex Wallet คุณยังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์การเทรดหลากหลาย เช่น การเทรดด้วยเลเวอเรจ การ Copy Trading และการ Stake สินทรัพย์ แอป Margex รองรับทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อให้การจัดการ Bitcoin และคริปโตเป็นเรื่องง่าย
MEXC Wallet
MEXC Wallet เป็นกระเป๋าซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้งาน โดยกระเป๋านี้มาจาก Centralized Exchange และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บเหรียญคริปโตไว้ในแพลตฟอร์มได้โดยตรง
ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถขาย แลกเปลี่ยน โอน เทรด Stake และถอนคริปโตได้ในที่เดียว MEXC Wallet จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและใช้ประโยชน์จากโอกาสในตลาดคริปโตแบบเต็มที่
Ledger Nano X
Ledger Nano X เป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดจาก Ledger โดยมีการใช้งานผ่านแอป Ledger Live บนมือถือผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth ทั้งยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ที่ใช้งานง่ายเหมือนเดิม
ข้อดีของ Ledger Nano X คือความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจาก private key จะไม่ถูกเก็บไว้ในมือถือ แต่จะถูกจัดเก็บในตัวอุปกรณ์ Nano X โดยตรง ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดวิธีหนึ่งในการจัดเก็บเหรียญคริปโต
กระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone
Green Wallet ถือเป็นกระเป๋าเงิน Bitcoin สำหรับ iPhone ที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเรียบง่ายและความปลอดภัยเป็นหลัก หากพูดถึงกระเป๋าเงินคริปโตสำหรับ iOS ที่ดีที่สุด
Green Wallet มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และเรียบง่าย ทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ในขณะเดียวกันยังสามารถเก็บรักษาคีย์ส่วนตัวไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุน
กระเป๋าเงินนี้ยังมีความสามารถในการซิงค์กับเครือข่าย Bitcoin ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณสามารถเข้าถึงเงินและธุรกรรมได้อย่างไม่ล่าช้า ยิ่งไปกว่านั้น Green Wallet ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างและลงนามธุรกรรมแบบออฟไลน์ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
นอกจากนี้ ด้วยความที่เป็นกระเป๋าเงินแบบ opensource โค้ดของมันจึงเปิดให้ตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจในความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยที่มั่นคง
กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดสำหรับ Android
Breadwallet เป็นอีกหนึ่งกระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้ Android ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานทุกระดับ ความปลอดภัยจึงถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยกระเป๋าเงินนี้จะเก็บคีย์ส่วนตัวไว้ภายในอุปกรณ์ของผู้ใช้เอง ช่วยป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
อีกทั้ง Breadwallet ยังสนับสนุนการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวกระเป๋าเงินนี้ยังเป็น opensource เช่นเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าโค้ดของมันเปิดให้สาธารณชนตรวจสอบได้ เพิ่มความมั่นใจในด้านความปลอดภัยและความโปร่งใส
นอกจากนี้ การอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอยังช่วยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ และเสริมความปลอดภัยให้กับกระเป๋าเงินอย่างต่อเนื่อง
คำแนะนำกระเป๋าเงินดิจิทัลตามประเภทผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานคริปโตแต่ละประเภทล้วนมีความต้องการที่แตกต่างกันเมื่อพูดถึงการเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัล ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม:
ผู้เริ่มต้น
- สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นในโลกของคริปโต การเลือกกระเป๋าเงินที่ใช้งานง่ายถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ตัวเลือกที่น่าสนใจคือ Coinbase Wallet และ Exodus ซึ่งทั้งสองตัวนี้มีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่ายและรองรับสกุลเงินดิจิทัลหลากหลายประเภท จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นอย่างไม่ซับซ้อน
ผู้ใช้งานขั้นสูง
- ผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์มากขึ้น อาจต้องการกระเป๋าเงินที่มอบความยืดหยุ่นและฟังก์ชันการทำงานที่มากกว่า ตัวเลือกอย่าง Electrum สำหรับ Bitcoin หรือ Metamask สำหรับ Ethereum เป็นกระเป๋าเงินแบบ noncustodial ที่ให้คุณควบคุม private keys ได้อย่างเต็มที่ กระเป๋าเงินเหล่านี้ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การตั้งค่าการเซ็นชื่อหลายคน (multisig) และการเชื่อมต่อกับ DeFi ทำให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความซับซ้อนในระดับสูง
ผู้ถือครองระยะยาว
- หากคุณวางแผนเก็บสกุลเงินดิจิทัลในปริมาณมากและตั้งใจถือครองระยะยาว การเลือกใช้ hardware wallet น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อุปกรณ์อย่าง Ledger หรือ Trezor สามารถเก็บ private keys ของ
6. เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bitcoin Wallet
Multisig Wallets
Multisig หรือที่ย่อมาจาก MultiSignature คือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ทำให้การส่ง Bitcoin จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการอนุมัติจากจำนวนคีย์ส่วนตัวที่เพียงพอในกลุ่มคีย์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
นอกจากนี้ Multisig ไม่จำเป็นต้องใช้เพียงรูปแบบ 2 ใน 3 เท่านั้น อาจมีการกำหนดเงื่อนไขแบบอื่นได้ตามความต้องการ เช่น คู่รักที่ต้องการกระเป๋าเงินร่วมกันและตกลงว่าจะใช้เงินได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอม หรือในกรณีของคณะกรรมการบริษัทที่กำหนดให้การอนุมัติการชำระเงินต้องผ่านการโหวตเสียงส่วนใหญ่
Multisig ยังถูกนำมาใช้ในบริการ Escrow หรือการฝากเงินค้ำประกัน โดยที่สองฝ่าย เช่น ผู้ซื้อและผู้ขาย ตกลงทำธุรกรรมที่ต้องการคีย์ 2 ใน 3 หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ บุคคลที่สามที่ได้รับความไว้วางใจจะเข้ามาไกล่เกลี่ยและปล่อยเงินตามข้อตกลง
กระเป๋าแบบ SPV
กระเป๋าเงินดิจิทัลบางประเภทเก็บข้อมูลบล็อกเชนทั้งหมดไว้เพื่อยืนยันธุรกรรมทุกรายการ ซึ่งกระเป๋าประเภทนี้เรียกว่ากระเป๋าแบบ full node แต่สำหรับกระเป๋าแบบ SPV (Simplified Payment Verification) หรือที่บางคนเรียกว่ากระเป๋า lite หรือ thin wallets นั้น ไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลบล็อกเชนทั้งหมดไว้ในตัวเอง กระเป๋า SPV จะอาศัยการเชื่อมต่อกับ full nodes เพื่อทำการยืนยันธุรกรรมแทน
ข้อดีของกระเป๋าแบบ SPV คือการทำงานที่รวดเร็วกว่า และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลน้อยกว่ากระเป๋าแบบ full node ด้วยเหตุนี้เอง กระเป๋าแบบ SPV จึงเหมาะกับอุปกรณ์ที่มีพื้นที่จัดเก็บจำกัด เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ขนาดของบล็อกเชนมีการขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กระเป๋าประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น
กระเป๋าแบบ Brain Wallet
กระเป๋าแบบ Brain Wallet เป็นวิธีการสร้าง private key โดยใช้ข้อความหรือชุดคำที่กำหนดขึ้นเอง แทนที่จะสร้าง private key หรือ seed phrase แบบสุ่ม ผู้ใช้งานสามารถเลือกชุดข้อความหรือวลีที่ต้องการแล้วใช้กระบวนการทางอัลกอริทึมเพื่อสร้าง private key จากข้อความนั้น
อย่างไรก็ตาม กระเป๋าแบบ Brain Wallet มีข้อเสียสำคัญคือมีความเสี่ยงต่อการถูกแฮกมากกว่า เนื่องจากมนุษย์มักจะมีแนวโน้มเลือกข้อความหรือรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย ซึ่งแฮกเกอร์สามารถใช้วิธีการต่าง ๆ ในการคาดเดารหัสผ่านเหล่านี้ได้
เพื่อยืนยันถึงความเสี่ยงดังกล่าว มีการทดลองโดยใช้รหัสผ่านง่าย ๆ ในการสร้าง Brain Wallet และใส่เงินเข้าไปในกระเป๋า ผลลัพธ์ที่ได้คือ เงินในกระเป๋าถูกขโมยไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีกรณีของผู้ใช้งาน Bitcoin คนหนึ่งที่สูญเสีย Bitcoin จำนวน 4 เหรียญ หลังจากใช้ private key ที่สร้างจากบทกวีภาษา Afrikaans ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
เปรียบเทียบ Bitcoin Wallets ที่ดีที่สุด
กระเป๋าเงิน | ความปลอดภัย | คริปโตเคอเรนซีที่รองรับ | อินเทอร์เฟซ | คุณสมบัติเด่นที่สุด |
Ellipal | ความปลอดภัยแบบ Air-gapped | Bitcoin, Solana, XRP | ปุ่มกดแบบกายภาพ | ความปลอดภัยเหนือชั้น |
Ledger Nano X | การเก็บแบบเย็น (Cold Storage) | รองรับคริปโตมากกว่า 5,500 สกุล | แอป Ledger Live | ความหลากหลายและใช้งานง่าย |
TREZOR Model T | การเก็บแบบเย็น (Cold Storage) | รองรับคริปโตมากกว่า 1,800 สกุล | หน้าจอสัมผัส | ฟีเจอร์ขั้นสูงและปรับแต่งได้ |
Cypherock X1 | แยกคีย์ ไม่มีความเสี่ยงจากการใช้ Seed Phras | รองรับคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล | ใช้งานง่าย | ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น |
Blockstream Jade | การเก็บแบบเย็น (Cold Storage), Air-gapped | Bitcoin | ปุ่มกดแบบกายภาพ | ความโปร่งใสแบบโอเพนซอร์ส |
Exodus | รองรับ Multi-sig | รองรับคริปโตมากกว่า 200 สกุล | ใช้งานง่าย | แพลตฟอร์มครบวงจร |
Bitcoin Core | โหนดเต็มรูปแบบ, รองรับ Multi-sig | Bitcoin | อินเทอร์เฟซแบบ Command-line | การควบคุมและการกระจายอำนาจที่สมบูรณ์ |
Armory | การเก็บแบบเย็น (Cold Storage), รองรับ Multi-sig | Bitcoin | ใช้งานง่าย | ความปลอดภัยขั้นสูงและการปรับแต่ง |
Best Wallet | รองรับ Multi-sig | รองรับคริปโตมากกว่า 100 สกุล | ใช้งานง่าย | การจัดการพอร์ตโฟลิโอที่ครบถ้วน |
Zengo | ไม่มีคีย์, ใช้การเข้ารหัสขั้นสูง | รองรับคริปโตมากกว่า 100 สกุล | ใช้งานง่าย | ความสะดวกและความปลอดภัย |
7. การสำรองข้อมูล Bitcoin Wallet
เนื่องจาก private keys และ seed phrases เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดต่อความปลอดภัยของ Bitcoin ของคุณอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการเก็บรักษาข้อมูลเหล่านี้ให้ปลอดภัยและเป็นความลับจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากคุณไม่สามารถป้องกัน private key หรือ seed phrase ของ wallet bitcoin ได้ Bitcoin ที่คุณเก็บไว้ในนั้นอาจสูญหายไปโดยไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้เลย
สำหรับ Bitcoin wallet แบบมาตรฐาน (ที่ไม่ใช่ HD wallet) จะมีการสร้างไฟล์ที่ชื่อว่า wallet.dat ซึ่งภายในไฟล์นี้จะมี private key ของคุณเก็บอยู่ การสำรองข้อมูลไฟล์นี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการคัดลอกไปยังที่จัดเก็บที่ปลอดภัย เช่น ไดรฟ์ที่เข้ารหัสในคอมพิวเตอร์ของคุณ, แฟลชไดรฟ์ภายนอก หรือแม้กระทั่งเขียนลงบนกระดาษแล้วเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย
ในขณะที่ HD wallet จะมอบ seed phrase ซึ่งเป็นคำจำนวน 1224 คำ ให้คุณเก็บรักษาโดยการจดบันทึกไว้ในสถานที่ปลอดภัย วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถกู้คืน wallet bitcoin ของคุณได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่าง Cryptosteel ซึ่งเป็นแผ่นโลหะที่ทนทานต่อความเสียหายและสามารถใช้ในการเก็บข้อมูล private key ของคุณได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
8. การจัดการค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
การทำธุรกรรม Bitcoin ทุกครั้งจะมีค่าธรรมเนียมแนบมาด้วยเสมอ โดยค่าธรรมเนียมนี้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เหล่า Bitcoin miners รวมธุรกรรมนั้นไว้ในบล็อกถัดไปของบล็อคเชน ยิ่งธุรกรรมของคุณมีขนาดใหญ่เท่าไร ค่าธรรมเนียมที่คุณต้องจ่ายก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้ธุรกรรมได้รับการยืนยันในบล็อกถัดไปได้เร็วขึ้น
สำหรับบางธุรกรรม การได้รับการยืนยันอาจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ยกตัวอย่างเช่น หาก A เพียงแค่โอนเงินจาก desktop wallet ไปยัง hardware wallet เพื่อเก็บรักษา A อาจไม่กังวลว่าธุรกรรมจะใช้เวลายืนยันนานถึงสองวัน เพราะความเร็วไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ
ในกรณีนี้ A จึงสามารถเลือกค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าได้ แต่หากเป็นการชำระเงินสำหรับสินค้าหรือบริการที่ฉันซื้อมา A อาจต้องการใช้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น เพื่อให้ธุรกรรมได้รับการยืนยันเร็วที่สุด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อค่าธรรมเนียมคือจำนวนธุรกรรมที่รอการยืนยันในเครือข่าย หากมีผู้คนจำนวนมากรอให้ธุรกรรมของตนได้รับการยืนยัน พวกเขามักจะแข่งขันกันโดยการเสนอค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น นั่นหมายความว่า ค่าธรรมเนียมที่ถือว่าสูงเมื่อวานนี้ อาจกลายเป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำในวันนี้
ดังนั้น หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่คุณควรตรวจสอบใน bitcoin wallet คือความสามารถในการจัดการค่าธรรมเนียม และนี่คือสิ่งที่ควรพิจารณา:
- กระเป๋าเงินอนุญาตให้คุณกำหนดค่าธรรมเนียมเองได้หรือไม่? หรือเลือกค่าธรรมเนียมให้คุณโดยอัตโนมัติ
- กระเป๋าเงินรองรับ Segwit หรือไม่? Segwit เป็นการอัปเกรดของโปรโตคอล Bitcoin ซึ่งช่วยลดขนาดไฟล์ของธุรกรรม ทำให้ค่าธรรมเนียมลดลง
- กระเป๋าเงินรองรับฟีเจอร์ Replace by Fee (RBF) หรือไม่? หากธุรกรรมของคุณไม่สามารถยืนยันได้เพราะค่าธรรมเนียมไม่สูงพอ คุณสามารถปรับค่าธรรมเนียมให้สูงขึ้นผ่าน RBF ได้ กระเป๋าเงินจะทำการส่งธุรกรรมใหม่อีกครั้งพร้อมค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นให้เหมาะสม
9. วิธีทั่วไปที่แฮกเกอร์ใช้ขโมยเงิน
แอปที่หลอกลวง
บางครั้งแฮกเกอร์อาจแฝงตัวสร้างแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินปลอมบน Apple App Store หรือ Google Play โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยเงินจากผู้ใช้งาน การตรวจสอบความปลอดภัยของกระเป๋าเงินเหล่านี้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากต้องอาศัยการตรวจสอบซอร์สโค้ดอย่างละเอียด
เพื่อป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงนี้ ขอแนะนำให้เลือกใช้เฉพาะกระเป๋าเงิน Bitcoin ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเปิดเผยซอร์สโค้ดต่อสาธารณะและได้รับการยอมรับจากชุมชน Bitcoin มาอย่างยาวนาน อย่าเพิ่งดาวน์โหลดกระเป๋าเงินเพียงเพราะคำแนะนำจากเพื่อน ควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง เข้าร่วมพูดคุยในฟอรัมต่างๆ และอ่านรีวิวจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจ
ทั้งนี้ กระเป๋าเงินที่ได้รับการแนะนำในที่นี้ล้วนผ่านการใช้งานและได้รับความเชื่อมั่นจากชุมชน Bitcoin มาอย่างต่อเนื่อง
การดัดแปลง hardware wallet
ผู้สนใจใช้งาน hardware wallet ควรซื้อจากผู้ผลิตโดยตรงหรือผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่มาจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ส่วนใหญ่จะมีระบบแจ้งเตือนในกรณีที่อุปกรณ์เคยถูกดัดแปลงหรือแก้ไขมาก่อน
เมื่อได้รับกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์ควรมีสติกเกอร์ซีลที่เป็นโฮโลแกรม เพื่อแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์นั้นยังไม่เคยถูกเปิดใช้งานมาก่อน และสิ่งสำคัญที่ควรจำไว้คือ *seed phrase* ซึ่งเป็นรหัสกู้คืนกระเป๋าเงิน ควรสร้างขึ้นโดยตัวอุปกรณ์เอง ไม่ใช่โดยผู้ผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าคุณเป็นคนเดียวที่รู้ *seed phrase* ของกระเป๋าเงินของคุณ
ไม่นานมานี้ มีผู้ใช้งานรายหนึ่งรายงานว่าเขาได้รับกระเป๋าเงิน Ledger จากตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต กระเป๋าเงินดังกล่าวมาพร้อมกับกระดาษที่มี *seed phrase* แบบ 24 คำที่ถูกเขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเขาโอนเงินเข้าไปในกระเป๋าเงินดังกล่าว เงินทั้งหมดของเขาก็ถูกขโมยไป เพราะผู้ขายทราบ *seed phrase* นั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงทางกฎระเบียบ ที่ส่งผลต่อกระเป๋าเงินคริปโต
ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี่ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าเงินคริปโตยังคงมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกพยายามเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยให้กับระบบการเงิน นี่คือความคืบหน้าล่าสุดที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานกระเป๋าเงินคริปโต:
กฎเกณฑ์ KYC และ AML
ล่าสุดทางสหภาพยุโรปได้ออกกฎใหม่เกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน (AML) ที่บังคับใช้กับผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโต (CASPs) ทุกราย กฎนี้กำหนดให้ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินคริปโตต้องตรวจสอบตัวตนลูกค้า (KYC) โดยเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขบัญชี สำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ยูโร ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้กระเป๋าเงินแบบ custodial
กฎ The Travel Rule
FATF ได้กำหนดกฎ Travel Rule ที่บังคับให้ผู้ให้บริการคริปโตต้องรวบรวมและแชร์ข้อมูลผู้ส่งและผู้รับในทุกธุรกรรม โดยตั้งแต่ปี 2024 EBA จะขยายการบังคับใช้กฎนี้ไปยัง CASPs ทั่วสหภาพยุโรป ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินจำเป็นต้องติดตามและรายงานข้อมูลผู้ใช้งานทุกธุรกรรม เพื่อป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย
กระเป๋าเงินแบบ SelfCustody
กฎหมาย AML ฉบับใหม่ของสหภาพยุโรปจัดให้ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าเงินแบบ self-hosted เป็นธุรกรรมความเสี่ยงสูง ส่งผลให้ผู้ใช้กระเป๋าเงินแบบ non-custodial ต้องผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม DeFi และเหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัวอย่าง Monero
การก่อตั้งหน่วยงานใหม่ด้าน AML
สหภาพยุโรปกำลังจัดตั้งหน่วยงาน EU Anti-Money Laundering Authority (AMLA) เพื่อกำกับดูแลการบังคับใช้กฎ AML ในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างเป็นระบบ หน่วยงานนี้จะตรวจสอบให้ CASPs ปฏิบัติตามขั้นตอนการตรวจสอบและเฝ้าระวังธุรกรรมที่น่าสงสัยอย่างเคร่งครัด
การปรับตัวเพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎ
ผู้ใช้งานกระเป๋าเงินคริปโตควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเลือกใช้กระเป๋าเงินแบบ custodial หรือ non-custodial การทำความเข้าใจกฎระเบียบที่บังคับใช้จะช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย การเลือกใช้และเข้าใจวิธีการใช้งาน Bitcoin wallet อย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย
คำถามที่พบบ่อย:
กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดคืออะไร?
คำถามที่ว่ากระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดคืออะไรนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของแต่ละคน แต่หากต้องแนะนำ ตัวเลือกที่น่าสนใจได้แก่ Best Wallet, Exodus, Zengo, Ellipal และ Trezor
กระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ดีที่สุดคือ?
ในกรณีของกระเป๋าเงิน Bitcoin หลักการเลือกก็ไม่ต่างจากกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป โดยตัวเลือกอย่าง Best Wallet, Exodus และอื่น ๆ ที่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
กระเป๋าเงินคริปโตที่ปลอดภัยที่สุดคือ?
โดยทั่วไปแล้ว กระเป๋าเงินแบบเย็น (cold wallet) มักถูกมองว่ามีความปลอดภัยสูงกว่ากระเป๋าเงินแบบร้อน (hot wallet) เนื่องจากกุญแจส่วนตัว (private keys) ถูกเก็บแบบออฟไลน์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบบใดที่ปลอดภัย 100%
วิธีการเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุด
ปัจจัยที่เราใช้ในการพิจารณา ได้แก่ ความปลอดภัย จำนวนคริปโตที่รองรับ ความง่ายในการใช้งาน ฟีเจอร์เสริม และชื่อเสียงโดยรวมของกระเป๋าเงินนั้น ๆ
กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ปลอดภัยกว่าซอฟต์แวร์จริงหรือ?
ใช่ กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์มักจะปลอดภัยกว่าซอฟต์แวร์ เนื่องจากกุญแจส่วนตัวถูกเก็บแบบออฟไลน์ ลดความเสี่ยงจากการถูกแฮก
ความแตกต่างระหว่าง hot wallet และ cold wallet คือ?
กระเป๋าเงินแบบร้อน (hot wallet) คือกระเป๋าเงินที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เช่น แอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ ในขณะที่กระเป๋าเงินแบบเย็น (cold wallet) จะเก็บกุญแจส่วนตัวไว้ในอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
สามารถเก็บคริปโตหลายสกุลในกระเป๋าเงินเดียวได้หรือไม่?
ได้ กระเป๋าเงินคริปโตหลายตัวในปัจจุบันรองรับการเก็บคริปโตหลายสกุลในที่เดียว เช่น Zengo หรือ Exodus
หากทำ Private Key หาย ควรทำอย่างไร?
ในกรณีที่คุณทำ Private Key ของกระเป๋าตนเองหาย อาจหมายถึงการสูญเสียการเข้าถึงเงินของคุณ ดังนั้น ควรจดคำสำรอง (recovery seed phrase) ไว้ในที่ที่ปลอดภัยเสมอ เพื่อใช้กู้คืนการเข้าถึงกระเป๋าเงินในอนาคต