8 Crypto Wallet ที่น่าใช้งานในปี 2025 (ทั้ง Hot และ Cold Wallet)

การจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลให้ปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในโลกคริปโต ‘Crypto Wallet’ หรือ ‘กระเป๋าเงินคริปโต’ จะช่วยปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้งานจากการถูกขโมยหรือสูญหาย เนื่องจากสกุลเงินคริปโตนั้นดำเนินการบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงต้องดูแลความปลอดภัยเงินด้วยตัวเอง ซึ่งการเลือกกระเป๋าเงินที่เหมาะสมกับตนเองนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายและซับซ้อนสำหรับหลายๆ คน

บทความนี้ เราจะมาแนะนำ Crypto Wallet ที่ดีที่สุดในปี 2025 ทั้งแบบ Hot Wallet และ Cold Wallet ซึ่งเราได้ศึกษาและเปรียบเทียบคุณสมบัติสำคัญต่างๆ เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้งาน และความเข้ากันได้กับเครือข่ายต่างๆ เพื่อนำมาอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจได้อย่างละเอียด ต่อไปนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับกระเป๋าเงินที่น่าสนใจ พร้อมเหตุผลที่กระเป๋าเงินเหล่านี้ได้รับการแนะนำ และข้อมูลสำคัญที่ คุณควรรู้เพื่อตัดสินใจเลือกกระเป๋าเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุด

เปรียบเทียบกระเป๋าเงิน Hot Wallet ที่ดีที่สุดในปี 2025

หลักเกณฑ์ในการเลือกกระเป๋าเงิน Hot Wallet ที่เหมาะสมที่สุดนั้นจะต้องเป็นการผสมผสานทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งาน การตรวจสอบคุณสมบัติของ Hot Wallet ทั้งหมดก็จะทำให้คุณสามารถเลือกกระเป๋าเงินที่ใช้งานในแบบที่คุณต้องการได้มากที่สุดเช่นกัน

Hot Wallet นั้นเหมาะที่สุดสำหรับนักเทรดคริปโตที่ทำการซื้อขายอยู่เป็นประจำ เนื่องจากกระเป๋าเงินประเภทนี้จะมีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาโอนเงินเข้าออก อีกทั้ง Crypto Wallet ประเภทนี้มักจะสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Applications) เพื่อทำธุรกรรมผ่านตลาดเทรดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchanges) ได้ รวมทั้งยังสามารถ Staking สกุลเงินคริปโตได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

Hot Wallet คืออะไร?

Hot Wallet คือ กระเป๋าเงินคริปโตที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บ ส่ง หรือลงทุนเหรียญคริปโตได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน กระเป๋าเงิรประเภทนี้จะความปลอดภัยที่ต่ำกว่ากระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานที่รวดเร็วและสะดวกมากกว่าการรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุด

รีวิว Hot Wallet ที่ดีที่สุด — ตัวเลือกเราที่เราแนะนำ

หลังจากที่ได้ทำการวิเคราะห์และทดลองใช้ Crypto Wallet มากกว่า 20 แพลตฟอร์ม เราได้คัดเลือก 4 Hot Wallet ที่ดีที่สุดมาโดยคำนึงถึงการตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือ เป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ เราเชื่อว่าหนึ่งในกระเป๋าเงินที่แนะนำด้านล่างจะสามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน

1. Best Wallet – กระเป๋าเงิน Hot Wallet ที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 1,000 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: มากกว่า 50 เครือข่าย
  • มีฟังก์ชันการเทรดในตัวหรือไม่: มี

Best Wallet

จุดเด่น

  • รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 1,000 รายการจากเครือข่ายบล็อกเชนมากกว่า 50 เครือข่าย
  • มีระบบแลกเปลี่ยนในตัวที่ช่วนให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสินทรัพย์ด้วยคริปโตหรือบัตรเครดิตได้
  • ผู้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอจะได้รับสิทธิ์รับแอร์ดรอปโทเค็น $BEST
  • เข้าถึงรอบพรีเซลของโทเค็นใหม่ๆ ได้ผ่านแพลตฟอร์มเปิดตัวโทเค็นในตัว

จุดด้อย

  • ปัจจุบันสามารถใช้งานได้เฉพาะบนอุปกรณ์มือถือ

Best Wallet เป็น Crypto Wallet แบบ Multichain ที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการสินทรัพย์ด้วยตนเองได้ มันได้รับการออกแบบมาเพื่อให้จัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้หลายรูปแบบ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ดีเยี่ยม กระเป๋าเงินนี้รองรับระบบนิเวศ Web3 แบบครบวงจร รองรับเหรียญ โทเค็น และ NFT จากหลากหลายเครือข่าย เช่น Bitcoin, Ethereum, Polygon และ Solana นอกจากนี้ยังมีโทเค็นหลักของตัวเองที่ชื่อว่า BEST ซึ่งจะมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่ผู้ถือ เช่น การยกเว้นค่าแก๊ส และ การได้รับแอร์ดรอปเพิ่มเติม

อินเทอร์เฟซของกระเป๋าเงินนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ทำให้ผู้ใช้งานทุกระดับสามารถเข้าถึงได้สะดวก

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Best Wallet ได้รับเลือกให้เป็นกระเป๋าเงิน Crypto ที่ดีที่สุดโดยรวมสำหรับปี 2025 เพราะมันผสมผสานความเป็นอิสระของผู้ใช้งาน ความปลอดภัย และฟังก์ชันที่หลากหลายเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังรองรับบล็อกเชนจำนวนมากและมีเครื่องมือขั้นสูงสำหรับช่วยในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลและการวิเคราะห์ตลาดอีกด้วย

ฟีเจอร์เด่น

  • แพลตฟอร์มเปิดตัวโทเค็นใหม่: มอบสิทธิ์เข้าถึงโปรเจกต์คริปโตที่กำลังจะเปิดขายในช่วงพรีเซลในราคาที่ต่ำ
  • แอร์ดรอปโทเค็น: แจกโทเค็น $BEST และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ให้กับผู้ใช้งานที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
  • การวิเคราะห์ความรู้สึกตลาด: ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์พร้อมคะแนนความรู้สึกตลาดที่ดึงข้อมูลจากการวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง: การเข้ารหัสแบบ end-to-end, การยืนยันตัวตน 2 ชั้น (2FA) และการใช้งานข้อมูลไบโอเมตริกซ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

2. Exodus – กระเป๋าเงินคริปโตที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงสุด

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 1,000 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: มากกว่า 50 เครือข่าย
  • มีฟังก์ชันการเทรดในตัวหรือไม่: มี

Exodus

จุดเด่น

  • UI ใช้งานง่าย เหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ
  • รองรับสกุลเงินคริปโตหลายพันสกุล บนเครือข่ายที่หลากหลายกว่า 50 เครือข่าย
  • ใช้งานได้บนทั้ง PC และสมาร์ทโฟน
  • มีระบบแลกเปลี่ยนในตัว ช่วยให้การสวอปคริปโตสะดวกและรวดเร็ว

จุดด้อย

  • ไม่มีระบบยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น

Exodus เป็น Crypto Wallet ที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายและสวยงาม ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่และผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์สูง รองรับคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล และสามารถใช้งานได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ (Windows, macOS, Linux) สมาร์ทโฟน (iOS และ Android) หรือแม้กระทั่งส่วนขยายบราวเซอร์ นอกจากนี้ยังมีระบบแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในตัว ทำให้สามารถสวอประหว่างเหรียญต่างๆ ได้อย่างราบรื่น

นอกเหนือจากการจัดเก็บคริปโตแล้ว Exodus ยังมีฟังก์ชัน Staking ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Passive Income ได้อย่างยอดเยี่ยมทัดเทียมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ การบริการลูกค้าก็ยอดเยี่ยม มีทีมงานคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยคลังความรู้ที่ครอบคลุม ช่วยให้คุณเข้าใจทุกแง่มุมของการใช้งานกระเป๋าเงินคริปโตได้อย่างง่ายดาย

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Exodus ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยโดยการจัดเก็บ Private Key และข้อมูลธุรกรรมไว้บนอุปกรณ์ของคุณเอง แม้ว่าจะไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น หรือโค้ดโอเพ่นซอร์ส แต่คุณสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ด้วยการเชื่อมต่อกับ Trezor ซึ่งเป็น Hardware Wallet Crypto ชื่อดังได้

ฟีเจอร์เด่น

  • เก็บคีย์อย่างปลอดภัย: Private Key และข้อมูลธุรกรรมของคุณจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ส่วนตัว เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัย
  • ใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม: ใช้ได้ทั้งบนเดสก์ท็อป (Windows, macOS, Linux) สมาร์ทโฟน (iOS และ Android) และส่วนขยายบราวเซอร์
  • ระบบแลกเปลี่ยนในตัว: สวอปเหรียญคริปโตได้โดยไม่ต้องออกจากแอป
  • ฟังก์ชัน Staking: ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างรายได้ด้วยรางวัล Staking ที่น่าสนใจ

3. Margex Wallet – กระเป๋าเงินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเทรดบนตลาดแลกเปลี่ยน

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 50 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: มากกว่า 10 เครือข่าย
  • มีฟังก์ชันการเทรดในตัวหรือไม่: มี

Margex Wallet

จุดเด่น

  • ระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้
  • อินเทอร์เฟซที่ใช้งานได้ง่าย
  • ผู้ใช้งานตลาดแลกเปลี่ยนสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำ

จุดด้อย

  • ไม่ใช่กระเป๋าเงินแบบสแตนด์อโลน (ต้องใช้ร่วมกับตลาดแลกเปลี่ยน)

สิ่งที่ทำให้ Margex Wallet โดดเด่นคือค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการฝากเงิน และยังให้ผลตอบแทนที่สูงเมื่อทำการ Staking นอกจากนี้ นักเทรดยังสามารถใช้เลเวอเรจได้สูงสุดถึง 100 เท่าเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้แม้ในช่วงตลาดขาลง

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่โลกคริปโต Margex Wallet มีฟีเจอร์ Copy Trading ที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถลอกเลียนแบบกลยุทธ์ของนักเทรดที่มีประสบการณ์ได้แบบเรียลไทม์

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Margex เหมาะสำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าเงินที่ผสานรวมการใช้งานไว้ในตลาดแลกเปลี่ยนที่มีความน่าเชื่อถือ ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ค่าธรรมเนียมที่ไม่สูง และฟีเจอร์ขั้นสูงต่างๆ เช่น การคัดลอกการเทรด Margex จึงเหมาะสำหรับทั้งนักเทรดหน้าใหม่และมืออาชีพ

ฟีเจอร์เด่น

  • Staking พร้อมเทรดได้ในเวลาเดียวกัน: ผู้ใช้งานสามารถ Staking สินทรัพย์ เช่น USDT และ USDC เพื่อรับผลตอบแทนสูงสุดได้ถึง 5% ต่อปี และสามารถใช้สินทรัพย์เหล่านั้นสำหรับการเทรดแบบเลเวอเรจได้อีกด้วย
  • ฟีเจอร์ Copy Trading: Margex Wallet ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามและคัดลอกการเทรดของนักเทรดมืออาชีพได้ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในตลาด
  • การเทรดที่ใช้เลเวอเรจได้สูง: Margex เสนอเลเวอเรจสูงสุดถึง 100 เท่าสำหรับสินทรัพย์หลักอย่าง Bitcoin, Ethereum และ Binance Coin โดยแต่ละเหรียญจะให้อัตราเลเวอเรจที่แตกต่างกันไป

4. Zengo Wallet – กระเป๋าเงินออนไลน์ที่มีความปลอดภัยยอดเยี่ยมที่สุด

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 1,000 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: 6 เครือข่าย
  • มีฟังก์ชันการเทรดในตัวหรือไม่: มี

Zengo Wallet

จุดเด่น

  • ตัดปัญหาการใช้วลีกู้คืนแบบเดิมๆ ด้วยเทคโนโลยี MPC ที่ล้ำสมัย
  • รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,000 สกุล
  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ
  • สามารถซื้อ ขาย และสวอปคริปโตได้โดยตรงผ่านแอป
  • ปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบยืนยันตัวตน 3 ชั้นและการเข้าสู่ระบบด้วยลายนิ้วมือ/ใบหน้า

จุดด้อย

  • การซื้อผ่านบัตรเครดิตมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูง
  • ยังไม่รองรับบล็อกเชนหลักบางเครือข่าย เช่น Solana

Zengo พัฒนา Hot Wallet ที่ทั้งปลอดภัยและใช้งานได้ง่าย แทนที่จะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงที่เดียว Zengo ใช้เทคโนโลยีพิเศษที่เรียกว่า MPC ซึ่งกระจายการเก็บข้อมูลไปหลายๆ ที่ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการสินทรัพย์คริปโตได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

Zengo เป็น Crypto Wallet ที่ออกแบบมาเพื่อมือใหม่โดยเฉพาะ ด้วย UI ที่สะอาดตาและใช้งานง่าย พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบครัน ทั้งการยืนยันตัวตน 3 ขั้นตอน และการใช้ลายนิ้วมือหรือใบหน้าในการเข้าสู่ระบบ มั่นใจเลยได้ว่าสินทรัพย์ของคุณจะปลอดภัยไร้กังวล ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือเก๋าหรือมือใหม่ก็ตาาม

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: หากคุณกำลังมองหากระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผสมผสานความปลอดภัยและความสะดวกได้อย่างลงตัว ด้วยเทคโนโลยี MPC ที่ล้ำสมัย คุณไม่จำเป็นต้องจดจำรหัสยาวๆ แบบเดิมอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่ครบครัน ทั้งการ Staking และ ตลาดแลกเปลี่ยนในตัว ทำให้จัดการสินทรัพย์คริปโตได้ในที่เดียว

ฟีเจอร์เด่น

  • ไม่ต้องใช้วลีเริ่มต้น: ด้วยเทคโนโลยี MPC ที่ทันสมัย สินทรัพย์คริปโตของคุณจะปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งวลีกู้คืน
  • ซื้อขายได้ในที่เดียว: ซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนคริปโตได้อย่างสะดวกผ่านแอปเดียว
  • สร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม: นำสินทรัพย์ที่มีไป Staking เพื่อรับรายได้เสริมแบบพาสซีฟ
  • ความปลอดภัยระดับสูงสุด: ใช้การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือหรือใบหน้า พร้อมระบบตรวจสอบที่รัดกุม
  • ช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง: ทีมสนับสนุนที่พร้อมให้บริการคุณตลอดเวลา

วิธีการจัดอันดับกระเป๋าเงิน Hot Wallet ของเรา

กระเป๋าเงินออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะใช้เพื่อซื้อขาย เก็บสินทรัพย์ หรือใช้งานแอปกระจายศูนย์ (dApps) เราจึงได้กำหนดเกณฑ์หลักในการจัดอันดับกระเป๋าเงิน Hot Wallet ดังนี้:

สกุลเงินคริปโตและเครือข่ายที่รองรับ

กระเป๋าเงิน Crypto ที่ดีควรรองรับเหรียญคริปโตและเครือข่ายให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดได้ในที่เดียว เราจึงให้ความสำคัญกับกระเป๋าเงินที่สามารถรองรับเหรียญและเครือข่ายได้หลากหลาย เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องใช้กระเป๋าเงินหลายใบ

หน้าตาและการใช้งาน

กระเป๋าเงินจะต้องใช้งานได้ง่ายและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องทำธุรกรรมเร่งด่วนหรือเชื่อมต่อกับ dApps หน้าจอควรออกแบบให้ใช้งานได้สะดวก มีเมนูที่ไม่ซับซ้อน และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เราจึงชื่นชอบ Crypto Wallet ที่มีหน้าตาเรียบง่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานทำธุรกรรมได้อย่างราบรื่น

ความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน

ถึงแม้ว่ากระเป๋าเงินแบบ Hot Wallet จะปลอดภัยน้อยกว่ากระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet แต่เรื่องความปลอดภัยก็ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญ เราได้ตรวจสอบระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่น การจัดการคีย์ส่วนตัว (Private Key) วลีเริ่มต้น (Seed Phrase) ระบบยืนยันตัวตน 2 ชั้น (2FA) รวมถึงเทคโนโลยีพื้นฐานต่างๆ ที่พวกเขาใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าสินทรัพย์ของผู้ใช้งานจะปลอดภัย

ฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม

เรายังมีการพิจารณาคุณสมบัติพิเศษที่กระเป๋าเงินแต่ละใบมีให้เพิ่มเติมด้วย เช่น ฟีเจอร์การเทรดภายในแอป ฟังก์ชัน Staking หรือ ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวก แม้จะไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับแรกในการประเมิน แต่ฟีเจอร์เหล่านี้สามารถทำให้กระเป๋าเงินบางตัวโดดเด่นกว่าคู่แข่ง และช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานโดยรวมได้

เปรียบเทียบกระเป๋าเงิน Cold Wallet ที่ดีที่สุดในปี 2025

สำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงและให้ความสำคัญกับการเก็บสินทรัพย์ในระยะยาว กระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด หากคุณกำลังมองหาวิธีจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณอย่างปลอดภัย ลองมาดูตัวเลือก Cold Wallet ที่เราแนะนำในปี 2025 กันเลย

Cold Wallet คืออะไร?

Cold Wallet คือ กระเป๋าเงินคริปโตแบบฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallet Crypto) ที่ออกแบบมาเพื่อจัดเก็บคริปโตโดยไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กได้มากกว่าเมื่อเทียบกับ Hot Wallet ดังนั้น กระเป๋าเงินประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากในระยะยาวและต้องการความปลอดภัยสูงสุด

รีวิว Cold Wallet ที่ดีที่สุด — ตัวเลือกเราที่เราแนะนำ

เราได้ศึกษาและเปรียบเทียบกระเป๋าเงิน Cold Wallet ที่ได้รับความนิยมอยู่ในตลาด โดยดูในองค์ประกอบต่างๆ ทั้งความปลอดภัย ราคา และความสะดวกในการใช้งาน สุดท้าย เราได้เลือก Cold Wallet 4 รุ่นที่โดดเด่นและเหมาะสมที่สุดมาแนะนำ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน

ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความคุ้มค่า หรือความสะดวกในการใช้งาน เราได้คัดกรองตัวเลือกที่ดีที่สุดมาให้กับคุณแล้ว

1. Cypherock — Cold Storage ที่ให้ความปลอดภัยระดับสูงโดยไม่ต้องพึ่งพา Seed Phrase

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 9,000 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: ครอบคลุมทุกเครือข่ายหลัก
  • ราคาเริ่มต้น: เริ่มต้นที่ 159 ดอลลาร์

Cypherock

จุดเด่น

  • ไม่จำเป็นต้องใช้ Seed Phrase
  • จัดเก็บ Private Key แยกไว้ในการ์ดป้องกันการงัดแงะเพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม
  • จัดการคริปโต NFT และ DeFi ได้ในแอพเดียว
  • มาพร้อมฟีเจอร์สำหรับโอนสินทรัพย์ให้ผู้รับผลประโยชน์ได้อย่างปลอดภัย

จุดด้อย

  • ราคาเริ่มต้นที่ 159 ดอลลาร์ อาจจะดูแพงเกินไปสำหรับผู้ใช้งานบางส่วน

Cypherock เป็น Crypto Wallet ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเก็บสินทรัพย์อย่างปลอดภัยเป็นอันดับแรก ในขณะที่ยังได้เพลิดเพลินกับฟีเจอร์ทันสมัย ตั้งแต่การจัดการคริปโตได้มากกว่า 1,000 สกุล ไปจนถึงการดูแลสินทรัพย์ NFT และ DeFi ได้อย่างปลอดภัย กระเป๋าเงินนี้ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณส่งต่อสินทรัพย์ไปยังผู้รับผลประโยชน์ได้ในอนาคต ทำให้มั่นใจว่าสินทรัพย์ของคุณจะถูกโอนไปยังคนที่คุณเลือกไว้ได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าคุณไม่สามารถดำเนินการเองได้ก็ตาม

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Cypherock นิยามความปลอดภัยของคริปโตใหม่ด้วยการไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Seed Phrase และใช้การจัดเก็บแบบกระจายศูนย์แทน โดย Private Key จะถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน จัดเก็บไว้บนการ์ดที่ป้องกันการงัดแงะทั้ง 5 ใบ แม้ว่าการ์ดหายไป 1 ใบ สินทรัพย์ของคุณก็ยังคงปลอดภัย

ฟีเจอร์เด่น

  • การจัดเก็บคีย์แบบกระจายศูนย์: Cypherock ใช้แนวทางที่ล้ำสมัยในการป้องกัน Private Key โดยแบ่งคีย์เป็น 5 ส่วน และจัดเก็บในการ์ดแยกกัน ทำให้สินทรัพย์ของคุณยังคงปลอดภัยแม้การ์ดหายไป 1 ใบก็ตาม
  • ไม่ต้องจำ Seed Phrase: คุณไม่จำเป็นต้องจัดการหรือจดจำ Seed Phrase อีกต่อไป Cypherock ช่วยให้การเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณง่ายขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยสูงสุด
  • ฟีเจอร์ส่งต่อสินทรัพย์แก่ผู้รับผลประโยชน์: ช่วยให้คุณโอนสินทรัพย์ไปยังผู้รับผลประโยชน์ในอนาคตได้อย่างปลอดภัย

2. Tangem Wallet — ที่สุดด้านความสะดวกและพกพาง่าย

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 6,000 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: ครอบคลุม 75 เครือข่าย
  • ราคาเริ่มต้น: เริ่มต้นที่ 59 ดอลลาร์

Tangem Wallet

จุดเด่น

  • บางเบาเท่าบัตรเครดิต พกพาสะดวก
  • รองรับสกุลเงินคริปโตมากกว่า 6,000 สกุล
  • ไม่ต้องพึ่งพา Seed Phrase สำหรับการกู้คืน
  • เชื่อมต่อได้ง่ายผ่าน NFC กับสมาร์ทโฟน

จุดด้อย

  • ใช้ได้เฉพาะมือถือที่มี NFC
  • ไม่มีแอปสำหรับใช้งานผ่านเดสก์ท็อป

Tangem Wallet ได้รับการออกแบบมาในรูปแบบบัตรคล้ายกับบัตรเครดิต โดยมีชิพความปลอดภัยฝังอยู่ภายในเพื่อเก็บรักษา Private Key การออกแบบที่เรียบง่ายนี้ช่วยให้การจัดการกระเป๋าเงินได้สะดวกขึ้นเมื่อเทียบกับกระเป๋าเงินแบบ USB ทั่วไป ด้วยเทคโนโลยี NFC ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานได้เพียงแค่แตะบัตรกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC

ด้านความปลอดภัย ชิพที่ฝังอยู่ภายในได้รับการรับรองมาตรฐาน EAL6+ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด รับประกันว่าผู้ใช้งานเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการควบคุม Private Key ได้ นอกจากนี้ Tangem Wallet ยังสามารถใช้งานได้ทั้งมือถือ Android และ iOS ทำให้ส่ง รับ และจัดการคริปโตได้อย่างสะดวกมากๆ

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Tangem Wallet สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการออกแบบที่พกพาง่ายและใช้งานได้ง่าย ช่วยให้คุณสามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง Seed Phrase สำหรับการกู้คืน และเชื่อมต่อผ่าน NFC ได้อย่างปลอดภัย การรองรับสกุลเงินคริปโตมากกว่า 6,000 สกุลทำให้ Tangem Wallet เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือระดับมือโปร

ฟีเจอร์เด่น

  • ดีไซน์กะทัดรัด: มาในรูปแบบบัตรที่พกพาได้ง่าย
  • รองรับสกุลเงินคริปโตที่หลากหลาย: ใช้งานได้กับคริปโตมากกว่า 6,000 สกุล
  • ไม่ต้องพึ่งพา Seed Phrase: กู้ข้อมูลได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องจดจำ Seed Phrase
  • การเข้าถึงผ่าน NFC: แค่แตะบัตรกับมือถือที่มี NFC ก็ใช้งานได้ทันที

3. Trezor กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่า

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 9,000 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: 16 เครือข่าย
  • ราคาเริ่มต้น: เริ่มต้นที่ 59 ดอลลาร์

Trezor

จุดเด่น

  • กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับปี 2024
  • ใช้ซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส เพิ่มความโปร่งใส
  • รุ่น Model T มาพร้อมฟีเจอร์ Shamir Backup
  • รองรับการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA)

จุดด้อย

  • ไม่มีฟีเจอร์ Staking หรือจัดการ NFT ในตัว
  • ฟีเจอร์ที่ซับซ้อนต้องใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ 3rd Party

Trezor มีให้เลือก 3 รุ่น: Model One ราคา 59 ยูโร, Safe 3 ราคา 79 ยูโร และ Safe 5 ราคา 169 ยูโร ทุกรุ่นสามารถจัดเก็บเหรียญแบบออฟไลน์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยรองรับทั้งเหรียญและโทเค็นมากกว่า 9,000 สกุล แต่ยังไม่มีระบบ Staking หรือจัดการ NFT และใช้งานผ่านมือถือหรือ Bluetooth ไม่ได้

ถ้าคุณเน้นความปลอดภัยมากกว่าความสะดวก Trezor ถือเป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะรุ่น Model T ที่มาพร้อมระบบสำรองข้อมูล Shamir Backup เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น แต่ถ้าอยากใช้งานขั้นสูง ต้องติดตั้งโปรแกรม 3rd Party เพิ่มเติม สรุปก็คือ Trezor เหมาะกับคนที่อยากได้กระเป๋าเงินคริปโตที่ใช้ได้ง่ายและราคาไม่แพง

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Trezor เป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่มีราคาเหมาะสมที่สุดในปีนี้ โดยเฉพาะรุ่น Model One ที่มีราคาเพียง 59 ยูโร ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Ledger Nano S Plus (79 ยูโร) และกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ระดับไฮเอนด์ เช่น Ellipal และ NGRAVE ZERO อย่างเห็นได้ชัด

ฟีเจอร์เด่น

  • กู้คืนข้อมูลได้อย่างปลอดภัย: ด้วยฟีเจอร์ Shamir Backup ใน Trezor คุณสามารถแบ่ง Recovery Seed ออกเป็นหลายๆ ส่วน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการสูญหายได้
  • ป้อนรหัสบนเครื่องได้เลย: รุ่น Model T จะมาพร้อมหน้าจอสัมผัสที่ช่วยให้คุณสามารถป้อน PIN และ Passphrase ผ่านบนตัวอุปกรณ์ได้โดยตรง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อื่นๆ
  • ระบบความปลอดภัยแบบ Multisignature: Trezor สามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม Electrum เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น โดยการใช้หลายคีย์ในการอนุมัติธุรกรรม

4. Ledger กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานสะดวกที่สุด

  • สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 5,500 สกุล
  • เครือข่ายที่รองรับ: ครอบคลุมเครือข่ายหลักทั้งหมด
  • ราคาเริ่มต้น: เริ่มต้นที่ 79 ดอลลาร์

Ledger

จุดเด่น

  • แอป Ledger Live ใช้ง่าย จัดการเหรียญได้อย่างสะดวก
  • รองรับสกุลเงินคริปโตกว่า 5,500 สกุล
  • มีแหล่งเรียนรู้เรื่องคริปโตผ่าน Ledger Academy
  • มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบ Multisignature ที่ทำงานร่วมกับ Coinkite

จุดด้อย

  • รุ่น Ledger Nano S Plus ไม่มีฟีเจอร์ Bluetooth
  • บริการ Ledger Recover ซึ่งเป็นตัวเลือกเสริม มีค่าใช้จ่ายรายเดือน
  • รุ่น Nano ไม่มีหน้าจอสัมผัส

Ledger มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Nano S Plus ราคา 79 ดอลลาร์ และ Nano X ราคา 149 ดอลลาร์ ทั้ง 2 รุ่นรองรับเหรียญและโทเค็นมากกว่า 5,500 สกุล โดย Nano X มาพร้อม Bluetooth ช่วยให้จัดการเหรียญผ่านมือถือได้สะดวก ทั้ง 2 รุ่นยังใช้กับระบบ DeFi, Staking และจัดการ NFT ได้อย่างครบครัน

Ledger ให้ทั้งความปลอดภัยและความยืดหยุ่น แม้ว่าซอฟต์แวร์ของ Ledger จะไม่ได้เป็นแบบโอเพนซอร์สทั้งหมด แต่มีระบบความปลอดภัยแบบ Multisignature และการยืนยันตัวตน 2 ชั้นทดแทน นอกจากนี้ยังใช้งาน dApps ได้ และสลับการใช้งานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างง่ายดาย Ledger จึงเหมาะกับผู้ที่มีความต้องการที่หลากหลายในตลาดคริปโต

เหตุผลที่เราเลือกกระเป๋าเงินนี้: Ledger ถือเป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานได้ง่าย ด้วยแอป Ledger Live ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี การทำงานร่วมกับบริการ 3rd Party ได้อย่างราบรื่น และมีการสนับสนุนลูกค้าที่รวดเร็ว Ledger ช่วยให้จัดการสกุลเงินคริปโตได้ง่าย ไม่ว่าจะสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่มีประสบการณ์

ฟีเจอร์เด่น

  • Ledger Academy: แหล่งข้อมูลการศึกษาที่ครบครัน ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจเทคโนโลยีบล็อกเชนพร้อมแนวทางการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย
  • การตรวจสอบความถูกต้องของเฟิร์มแวร์: อุปกรณ์ Ledger มีการตรวจสอบตัวเองทุกครั้งที่เปิดใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าเฟิร์มแวร์ยังคงปลอดภัยและไม่มีการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ชิพ Secure Element: Ledger ทุกรุ่นมาพร้อมชิพ Secure Element ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน CC EAL5+ ออกแบบมาเพื่อต้านทานการโจมตีที่ซับซ้อน พร้อมปกป้องข้อมูลเข้ารหัสของคุณ
  • ปรับแต่งความปลอดภัยเพิ่มเติมได้: ผู้ใช้งานสามารถ Passphrase ลงใน Recovery Seed จำนวน 24 คำ เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยเป็นคำที่ 25 ที่ตั้งเองได้ เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
  • วิธีการจัดอันดับกระเป๋าเงิน Cold Wallet ของเรา

แม้ว่าการจัดอันดับ Cold Wallet ของเราจะมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับ Hot Wallet แต่ยังมีปัจจัยบางอย่างที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และนี่คือเกณฑ์การประเมินที่เรานำมาใช้เพื่อคัดเลือก Cold Wallet ชั้นนำ:

ความปลอดภัย

ความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้เมื่อพูดถึง cold wallet ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้ใช้งานเลือกใช้แทน hot wallet แม้ว่า cold wallet ส่วนใหญ่จะมีระดับความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ แต่ก็ยังมีบางรุ่นที่ยกระดับการปกป้องข้อมูลและสินทรัพย์ไปอีกขั้น เราจึงทำการตรวจสอบเทคโนโลยีภายในของแต่ละ cold wallet อย่างละเอียด เพื่อประเมินว่ารุ่นใดมีจุดอ่อนน้อยที่สุดและสามารถป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ได้ดีที่สุด

ความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ Cold Wallet เพราะนี่คือเหตุผลที่ทำให้คนเลือกใช้มันแทน Hot Wallet เราจะมีการตรวจสอบเทคโนโลยีภายในอย่างละเอียด เพื่อดูว่ารุ่นไหนมีจุดด้อยน้อยที่สุดและป้องกันการโจมตีได้ดีที่สุด

ความเข้ากันได้

โดยทั่วไปแล้ว Cold Wallet มักจะรองรับสกุลเงินดิจิทัลน้อยกว่า Hot Wallet ดังนั้น เราจึงจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า Crypto Wallet เหล่านี้รองรับเหรียญมากเพียงใดและสามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายใดได้บ้าง กระเป๋าเงินที่รองรับเหรียญและเครือข่ายได้หลากหลายย่อมได้รับคะแนนสูงกว่าในเกณฑ์การประเมินของเรา

ประสบการณ์ผู้ใช้งาน

แม้ว่าประสบการณ์ผู้ใช้งานจะมีความสำคัญอย่างมากสำหรับ Hot Wallet เนื่องจากมีการใช้งานที่บ่อยกว่า แต่สำหรับ Cold Wallet เราก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน การมี UI ที่ใช้งานได้ง่ายจะช่วยให้การจัดการสินทรัพย์เป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดความผิดพลาดระหว่างการใช้งานได้อีกด้วย

ราคา

แตกต่างจาก Hot Wallet มักจะที่ใช้งานได้ฟรี Cold Wallet เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มักจะมีราคาค่อนข้างสูง เราจึงทำการเปรียบเทียบราคาของ Cold Wallet แต่ละรุ่นกับคู่แข่งในตลาด เพื่อประเมินว่าราคานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่

ฟีเจอร์เพิ่มเติม

นอกเหนือจากการใช้งานพื้นฐานแล้ว เรายังพิจารณาคุณสมบัติพิเศษที่ Cold Wallet แต่ละรุ่นนำเสนอ เช่น ความสามารถในการซื้อขายคริปโตโดยตรงผ่านกระเป๋า หรือ มาตรการเสริมด้านความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามา ฟีเจอร์เหล่านี้มีผลต่อการจัดอันดับของเราเช่นกัน

Crypto Wallet คืออะไร?

กระเป๋าเงินคริปโตคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการ เก็บรักษา และโอนคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างปลอดภัย โดยกระเป๋าเงินเหล่านี้อาจมาในรูปแบบซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ เช่น Crypto Wallet App, Desktop Program หรือ อุปกรณ์ USB บางรุ่นยังสนับสนุนการจัดเก็บ NFT และทรัพย์สินดิจิทัลประเภทอื่นๆ อีกด้วย

กระเป๋าเงินคริปโตสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก ได้แก่:

  • กระเป๋าเงินแบบมีผู้ดูแล (Custodial Wallets): กระเป๋าประเภทนี้จะมีผู้ให้บริการเป็นผู้จัดการคีย์ส่วนตัวของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องพึ่งพาผู้ให้บริการในเรื่องความปลอดภัย ข้อดีคือ หากคุณลืมข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุณสามารถกู้คืนบัญชีได้ง่ายกว่ากระเป๋าเงินประเภทอื่น ตัวอย่างของกระเป๋าเงินแบบมีผู้ดูแลได้แก่ Binance Wallet และ OKX Wallet
  • กระเป๋าเงินแบบไม่มีผู้ดูแล (NonCustodial Wallets): กระเป๋าประเภทนี้มอบสิทธิ์ในการควบคุมคีย์ส่วนตัวและสินทรัพย์ทั้งหมดให้กับคุณโดยตรง อย่างไรก็ตาม ความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่ตัวคุณอย่างเต็มที่ หากคีย์ส่วนตัวสูญหาย คุณจะไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้ ตัวอย่างเช่น Zengo และ NGRAVE

สรุปได้ว่า กระเป๋าเงินแบบมีผู้ดูแลเน้นเรื่องความสะดวกและการพึ่งพาผู้ให้บริการ ส่วนกระเป๋าเงินแบบไม่มีผู้ดูแลนั้นให้ความอิสระและการควบคุมเต็มรูปแบบ แต่ต้องมาพร้อมความระมัดระวังและความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น

กระเป๋าเงินคริปโตทำงานอย่างไร?

Crypto Wallet จะทำงานเหมือนกับบัญชีธนาคารออนไลน์ที่ใช้เก็บและดูแลสินทรัพย์คริปโต ผู้ใช้งานสามารถใช้กระเป๋าเงินนี้โอนเงินคริปโตไปมาได้ โดยใช้ระบบคีย์ 2 แบบ ได้แก่:

  • Public Key: เปรียบเสมือนหมายเลขบัญชีธนาคาร ซึ่งใช้สำหรับรับสินทรัพย์คริปโตจากผู้อื่น คุณสามารถแชร์คีย์นี้กับบุคคลอื่นได้อย่างปลอดภัย
  • Private Key: เปรียบได้กับรหัสผ่านที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งใช้ยืนยันความเป็นเจ้าของสินทรัพย์คริปโตในกระเป๋าเงิน คีย์นี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามบอกใคร

สิ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ Crypto Wallet ไม่ได้มีการเก็บเงินคริปโตไว้จริงๆ สินทรัพย์ทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้บนเครือข่ายที่เรียกว่าบล็อกเชน กระเป๋าเงินมีหน้าที่แค่เก็บ Private Key ที่ใช้พิสูจน์ว่าเราเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นๆ

กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีจะมีคุณภาพสูงมักใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสล้ำสมัยเพื่อปกป้องคีย์ส่วนตัว เช่น การเข้ารหัสแบบขั้นสูง การใช้วลีเริ่มต้น (Seed Phrase) การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ หรือแม้กระทั่งการใช้ Hardware Security Modules (HSMs) นอกจากนี้ กระเป๋าเงินดิจิทัลยังมีระบบการสำรองข้อมูลและกู้คืนข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่สูญเสียการเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตของตน

กระเป๋าคริปโตที่ดีจะมีเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ล้ำสมัยเพื่อใช้ปกป้อง Private Key ของเรา เช่น การเข้ารหัสแบบขั้นสูง การใช้วลีเริ่มต้น (Seed Phrase) การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ หรือแม้กระทั่งการใช้ Hardware Security Modules (HSMs) นอกจากนี้ยังควรมีระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องกลัวว่าจะเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตไม่ได้ถ้าลืมรหัส

วิธีเก็บวลีเริ่มต้นอย่างปลอดภัย

เมื่อคุณเลือกใช้กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial แล้ว คุณจะได้รับ “Seed Phrase” ซึ่งเป็นชุดคำสำคัญที่ทำหน้าที่เหมือนกุญแจในการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตของคุณ การเก็บรักษา “Seed Phrase” อย่างปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

ผู้ใช้งานคริปโตจำนวนมากเลือกใช้อุปกรณ์จัดเก็บเฉพาะ เช่น Cryptotag ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บ “Seed Phrase” ที่ผลิตจากแผ่นไทเทเนียมเกรดอุตสาหกรรมการบิน ช่วยให้สามารถเก็บ “Seed Phrase” ได้ตั้งแต่ 24 ถึง 42 คำ ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก โดยอุปกรณ์ Cryptotag มีคุณสมบัติที่ทนทานสูง เช่น กันกระสุน ทนน้ำ และทนความร้อน ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่า “Seed Phrase” จะปลอดภัยในทุกๆ สถานการณ์

ประเภทของกระเป๋าเงินคริปโต: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ?

การเริ่มลงทุนในคริปโตเป็นเรื่องสำคัญ แต่การเลือก Crypto Wallet ที่ดีสำหรับเก็บสินทรัพย์คริปโตก็สำคัญไม่แพ้กัน กระเป๋าเงินคริปโตมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ที่นี่ เราจะมาทำความรู้จักกับกระเป๋าเงิน Crypto ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Software/Hardware Wallet และ Paper Wallet พร้อมแนะนำว่า กระเป๋าเงินเหล่านี้เหมาะกับผู้ใช้งานแบบใด

Software Wallet (หรือ Hot Wallet)

Crypto Wallet ที่อยู่ในรูปแบบของ Software เหมาะสำหรับผู้ที่ทำการซื้อขายคริปโตหรือใช้งานคริปโตของตัวเองอยู่เป็นประจำ กระเป๋าเงินประเภทนี้มักถูกเรียกว่า “Hot Wallet” เนื่องจากมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้การทำธุรกรรมในชีวิตประจำวันสะดวกสบาย แต่ก็อาจจะไม่ปลอดภัยเท่ากระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์

Software Wallet จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

  • Mobile Wallets: เป็นแอปที่ออกแบบมาให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพกพาและบริหารจัดการคริปโตของตนได้ทุกที่ ส่วนใหญ่มักจะให้บริการฟรี เช่น แอป Best Wallet เป็นต้น
  • Desktop Wallets: เป็นโปรแกรมที่ติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน ปลอดภัยกว่า Mobile Wallet เล็กน้อย เนื่องจาก Private Key จะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณ ตัวอย่างที่นิยมใช้งานก็คือ MetaMask

แม้ว่า Software Wallet จะสะดวกสบายและตอบโจทย์ในการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า แต่การที่มันเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอนอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่ากระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet

Hardware Wallet (หรือ Cold Wallet)

สำหรับนักลงทุนที่เน้นเรื่องความปลอดภัย Crypto Wallet ที่เป็นอุปกรณ์จริงๆ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด Cold Wallet จะเก็บ Private Key ของคุณไว้แบบออฟไลน์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมข้อมูลในแบบออนไลน์ได้เป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์คริปโตเป็นจำนวนมาก และต้องการถือไว้เป็นระยะยาว

Hardware Wallet มักจะมีหน้าตาคล้ายๆ แฟลชไดรฟ์ USB ซึ่งต้องนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน เพื่อดำเนินการทำธุรกรรม การใช้งานอาจจะดูยุ่งยากกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Software Wallet แต่ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นก็คุ้มค่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์คริปโตเป็นจำนวนมาก

แม้ว่ากระเป๋าเงินประเภทนี้จะมีราคาสูงกว่ากระเป๋าเงินอื่นๆ แต่ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อที่จะปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณจากภัยคุกคามไซเบอร์

Paper Wallet

หากคุณกำลังมองหาวิธีจัดเก็บคริปโตแบบออฟไลน์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย Paper Wallet หรือ “กระเป๋าเงินกระดาษ” ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ กระเป๋าเงินประเภทนี้คือการจด Public Key และ Private Key ลงบนกระดาษ แล้วนำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟ หรือ กล่องนิรภัย

Paper Wallet เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ไม่อยากเสี่ยงกับการโดนแฮก อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บกระเป๋าเงินประเภทนี้ต้องใช้ความระมัดระวังที่สูงมาก เพราะหากกระดาษดังกล่าวสูญหายหรือเสียหาย คุณก็อาจจะสูญเสียการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณโดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ข้อเสียของ Paper Wallet คือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้คริปโต เช่น การโอนหรือทำธุรกรรม ผู้ใช้งานต้องพึ่งพาแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลในการใช้งาน ทำให้ใช้งานไม่สะดวกเท่ากระเป๋าเงินประเภทอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ Paper Wallet จึงไม่ได้รับความนิยมมากนักในหมู่ผู้ใช้งาน

การเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะกับเราขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้งานอย่างไร ถ้าต้องการความสะดวก Software Wallet ก็น่าจะเหมาะที่สุด แต่ถ้าเน้นความปลอดภัย Hardware Wallet ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วน Paper Wallet อาจจะเหมาะกับผู้ที่อยากเก็บสินทรัพย์คริปโตไว้นานๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ การเข้าใจข้อดีข้อเสียของกระเป๋าเงินแต่ละประเภทจะช่วยให้เราเลือกใช้งานได้เหมาะสมสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด

Crypto Wallet อันไหนดี? เลือกอย่างไรให้ปลอดภัยและเหมาะสม

การเลือกกระเป๋าเงิน Crypto ที่ดีและปลอดภัยอาจจะดูยุ่งยากไปบ้าง เพราะตัวเลือกกระเป๋าเงินในตลาดนั้นมีอยู่เยอะมาก แต่มีเรื่องสำคัญ 3 อย่างที่จะช่วยให้เราเลือกกระเป๋าเงินที่ปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น

เลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้

สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องเลือกกระเป๋าเงินคริปโตจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะดาวน์โหลดกระเป๋าเงินใดๆ ควรที่จะหาข้อมูลของบริษัทให้ดี อ่านรีวิวในเน็ต (เช่น Best Wallet Review เป็นต้น) และดูประวัติการทำงานของทีมงาน บริษัทที่น่าเชื่อถือมักจะมีผู้ใช้งานแนะนำมากมาย ทั้งจากคนทั่วไปและองค์กรที่มีชื่อเสียง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินจากผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงก็อาจจะมีความเสี่ยงได้เช่นกัน เช่น Atomic Wallet ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ได้รับความไว้วางใจสูงในอุตสาหกรรมนี้ แต่ต่อมากลับถูกกลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ Lazarus ขโมยสินทรัพย์ของผู้ใช้งานไปมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์

ตรวจสอบฟีเจอร์ความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน

เมื่อเลือกกระเป๋าเงิน Bitcoin หรือกระเป๋าเงินคริปโตอื่น ๆ การศึกษาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรตรวจสอบว่ากระเป๋าเงินนั้นมีระบบการเข้ารหัสประเภทใดบ้าง และพิจารณาว่าจะเลือกใช้งานกระเป๋าเงินร้อน (Hot Wallet) หรือกระเป๋าเงินเย็น (Cold Wallet) ซึ่งเราจะพูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อนี้ในส่วนถัดไป การทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ตอนที่เราจะเลือกกระเป๋าเงิน Bitcoin หรือ กระเป๋าเงิน Crypto ใดๆ ก็ตาม เราจะต้องดูเรื่องฟีเจอร์ความปลอดภัยให้ดี โดยควรที่จะตรวจสอบว่ากระเป๋าเงินดังกล่าวมีการเข้ารหัสแบบใดบ้าง และเราจะเลือกใช้ Hot หรือ Cold Wallet ดี การทำความเข้าใจเรื่องฟีเจอร์ความปลอดภัยจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

ทดลองใช้งานกระเป๋าเงินก่อนการทำธุรกรรมจำนวนมาก

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้ามคือ การทดลองใช้ Crypto Wallet ด้วยการโอนคริปโตจำนวนเล็กน้อยก่อนที่จะทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินจำนวนมากได้ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้ทดสอบความสามารถและฟีเจอร์ต่างๆ ของกระเป๋าเงินก่อนอีกด้วย ถ้าฟีเจอร์ต่างๆ ทำงานได้เป็นอย่างดีตามที่ต้องการ ผู้ใช้งานก็จะสามารถโอนเงินจำนวนมากไปภายหลังได้

วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้เราค้นหากระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะกับผู้ใช้งานและปลอดภัยสำหรับใช้ในโลก Web3 ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

วิธีการติดตั้งและใช้งาน Crypto Wallet

ก่อนที่เราจะปิดท้ายคู่มือกระเป๋าเงินคริปโตนี้ มาดูกันว่าคุณสามารถดาวน์โหลดและใช้งานกระเป๋าเงินเหล่านี้ได้อย่างไร อย่างที่กล่าวไปแล้ว กระเป๋าเงินคริปโตที่เราแนะนำคือ Best Wallet ซึ่งเป็นแอปฟรีที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายและรองรับทั้งระบบ iOS และ Android

นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณดาวน์โหลดและเริ่มใช้ Best Wallet ได้ในทันที:

ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดแอป Best Wallet

แอป Best Wallet พร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์มมือถือทั้ง Android และ iOS ขั้นแรกให้คุณเข้าไปที่ Play Store หรือ App Store แล้วค้นหา Best Wallet จากนั้น ดาวน์โหลดแอปมาใช้งาน โดยแอปนี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีและใช้เวลาไม่นานในการติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนของคุณ

ดาวน์โหลดแอป Best Wallet

ขั้นตอนที่ 2 ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้

หลังจากติดตั้งแอพแล้ว คุณจะต้องสร้างบัญชีผู้ใช้งานของคุณเอง โดยเพียงแค่ตั้งชื่อบัญชีและกำหนดรหัสผ่านที่คุณต้องการ

ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้

ขั้นตอนที่ 3 ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม

เมื่อคุณกรอกอีเมลเรียบร้อยแล้ว ระบบจะขอให้คุณสำรอง “mnemonic words” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก คุณควรอ่านคำแนะนำในแอปอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าบัญชีของคุณปลอดภัยmnemonic words นี้จะประกอบด้วยคำทั้งหมด 12 คำ ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อกู้คืนบัญชีในกรณีฉุกเฉินได้

ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม

ขั้นตอนที่ 4 เริ่มต้นใช้งาน Best Wallet

เมื่อกระบวนการสร้างบัญชีเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้คุณสามารถใช้งานแอพ Best Wallet ได้แล้ว แอปนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดการสินทรัพย์คริปโตของคุณได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

เริ่มต้นใช้งาน Best Wallet

บทสรุป: กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2025

ก่อนที่จะเลือกกระเป๋าเงินคริปโต เราจะต้องเข้าใจก่อนว่า Crypto Wallet นั้นมีอยู่ 2 แบบหลักๆ ได้แก่ Hot Wallet (ออนไลน์) และ Cold Wallet (ออฟไลน์) ประเภทแรกนั้นจะเหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องทำธุรกรรมบ่อยๆ เพราะต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลาและใช้งานได้สะดวก แต่ก็มีความเสี่ยงจากการโดนแฮก ส่วนประเภทหลังนั้นปลอดภัยกว่ามาก เหมาะสำหรับเก็บสินทรัพย์จำนวนมากและเก็บเป็นระยะเวลานาน แต่อาจจะไม่สะดวกในการทำธุรกรรมรายวัน

ความปลอดภัยควรเป็นปัจจัยที่คุณให้ความสำคัญสูงสุดเสมอ กระเป๋าเงินที่ดีจะต้องมีระบบป้องกันหลายชั้น เช่น การเข้ารหัส ยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน และการจัดการคีย์ส่วนตัวได้ บางรุ่นมีฟีเจอร์พิเศษ เช่น ใช้ลายนิ้วมือหรือใบหน้าล็อกอิน หรือการอนุมัติธุรกรรมแบบหลายลายเซ็น (Multisignature) สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องเป็นคนถือ Private Key เอง ถ้าไม่มีคีย์นี้ก็เท่ากับสินทรัพย์ไม่ใช่ของคุณจริงๆ

ก่อนเลือกซื้อ เราจะต้องดูด้วยว่ากระเป๋าเงินในนั้นรองรับเหรียญคริปโตที่คุณมีหรือไม่ เพราะบางรุ่นก็อาจจะรองรับเพียงแค่บางเหรียญเท่านั้น และต้องเช็คด้วยว่าใช้งานได้กับอุปกรณ์ของคุณได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นแอปมือถือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็ตาม รวมถึงต้องใช้งานร่วมกับแอปหรือเว็บที่คุณซื้อขายคริปโตได้ด้วย

จากการประเมินของเรา Best Wallet คือกระเป๋าเงินที่ดีที่สุดในปี 2025 ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม การรองรับเครือข่ายบล็อกเชนหลายประเภท UI ที่ใช้งานได้ง่าย และ ค่าธรรมเนียมที่ไม่สูง Best Wallet รองรับสินทรัพย์คริปโตหลากหลายประเภท รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ครบครัน เช่น การ Staking การสวอปโทเค็น และ การจัดการ NFT ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและครอบคลุมสำหรับผู้ใช้งานคริปโตในทุกระดับ

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

คำถามที่พบบ่อย

กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดในปัจจุบันคืออะไร?

ในปี 2025 กระเป๋าเงินคริปโตที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดคือ Best Wallet จุดเด่นของมันคือความปลอดภัยระดับสูง รองรับหลายเชน มีการออกแบบอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของกระเป๋าเงินนี้ได้แก่ การ staking โทเคน, การแลกเปลี่ยนโทเคน และการจัดการ NFT ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานหลากหลายประเภท

กระเป๋าเงินคริปโตใดที่ปลอดภัยที่สุด?

Trezor ได้รับการยอมรับว่าเป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่ปลอดภัยที่สุดในปี 2025 ด้วยการเสนออุปกรณ์สามรุ่นที่ช่วยให้การจัดเก็บคริปโตเป็นแบบออฟไลน์ ซึ่งเพิ่มระดับความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน

กระเป๋าเงินคริปโตใดที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด?

Best Wallet เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัด เพราะใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเงินอื่นๆ ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำหรือไม่มีเลย เช่น Exodus, Binance Wallet และ MetaMask ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มองหาทางเลือกที่คุ้มค่า

ควรเลือกกระเป๋าเงินคริปโตอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง?

การตัดสินใจเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะสมควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ชื่อเสียงของผู้ให้บริการ ความสามารถในการรองรับสินทรัพย์คริปโตหลากหลาย ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ และระดับความปลอดภัยรวมถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

กระเป๋าเงิน Coinbase เป็นตัวเลือกที่ดีหรือไม่?

Coinbase Wallet เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยมที่เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนและนักเทรด ด้วยอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย รองรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) หลายพันรายการ และยังสนับสนุนการใช้งาน NFT ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ

กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์สำหรับคริปโตแบบไหนที่ดีที่สุด?

หากพูดถึงกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดในปี 2025 Ledger ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น ด้วยระบบแยกอากาศเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด การออกแบบที่ใช้งานง่าย และรองรับสกุลเงินคริปโตหลากหลายประเภท Ledger จึงเป็นตัวเลือกที่ผสานทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายได้อย่างลงตัวสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

กระเป๋าเงินสำหรับซื้อ Bitcoin ที่ดีที่สุด?

หลังจากที่อัพเดตการผสานรวมเครือข่าย Bitcoin เข้ามา Best Wallet ได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่รุ้ว่าจะซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี? เพราะคุณสามารถซื้อ BTC ได้จากกระเป๋าเงินโดยตรง อีกทั้งยังมีตัวเลือกสำหรับชำระเงินที่หลากหลาย ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อได้เป็นอย่างมาก