Stablecoin คืออะไร? เข้าใจความต่างของ USDT กับ USDC ในปี 2025

Stablecoins คือ สกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาให้มีมูลค่าเสถียร โดยมักผูกมูลค่าของตัวเองกับสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น สกุลเงินเฟียต (อย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐ) หรือสินทรัพย์ที่มีค่าอย่างทองคำ จุดมุ่งหมายหลักของ stablecoin คือการลดความผันผวนที่รุนแรงซึ่งมักพบในสกุลเงินดิจิทัลทั่วไป 

ด้วยเหตุนี้ Stablecoin จึงเหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น การเชื่อมโยงมูลค่ากับสินทรัพย์ที่มั่นคงช่วยให้ stablecoin สามารถเป็นทั้งสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและแหล่งเก็บมูลค่าที่เชื่อถือได้ในระบบนิเวศของคริปโตเคอร์เรนซี

ประเภทของ Stablecoins

Stablecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ โดยส่วนใหญ่มักจะผูกมูลค่าไว้กับสกุลเงินทั่วไป เช่น ดอลลาร์สหรัฐ Stablecoin สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้:

1. Fiatbacked Stablecoins:

Stablecoin ประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากมีการผูกมูลค่าโดยตรงกับสกุลเงินทั่วไป (fiat currency) ซึ่งมีการสำรองเงินตราจริงไว้ในปริมาณที่เท่ากันโดยผู้ออกที่เป็นศูนย์กลาง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยเงินสำรอง fiat ทำให้มีความมั่นคงสูง ด้วยการผูกมูลค่า 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ หมายความว่า ทุก 1 USDT ที่ออกมาจะมีเงินดอลลาร์ในบัญชีธนาคารสำรองไว้ในจำนวนเท่ากัน

2. Cryptobacked Stablecoins:

Stablecoin ประเภทนี้มีการใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นหลักประกัน โดยปกติแล้วจะต้องมีการค้ำประกันมากกว่ามูลค่าของ Stablecoin ที่ออกมา เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดคริปโต ตัวอย่างที่เด่นชัดคือ DAI ซึ่งเป็นตัวแทนของ Stablecoin ประเภทนี้ที่มีระบบการค้ำประกันซับซ้อนและโปร่งใส (ที่มา Binance Academy)

3. Algorithmic Stablecoins:

Stablecoin กลุ่มนี้ไม่มีการใช้สินทรัพย์ค้ำประกัน แต่ใช้การควบคุมผ่านอัลกอริธึมและสมาร์ทคอนแทรกต์ เพื่อปรับสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาด โดยมุ่งหวังที่จะรักษามูลค่าให้คงที่ผ่านกลไกตลาดโดยอัตโนมัติ

Stablecoins คืออะไร? เข้าใจความต่างของ USDT กับ USDC ในปี 2025

ความต่างระหว่าง usdc กับ usdt 

ทั้งนี้เชื่อว่าจาก Stablecoin ทั้ง 3 ประเภท Fiatbacked Stablecoins อย่าง usdt คือ ประเภทของ Stablecoin ที่พูดถึงกันมากที่สุดในตลาด อย่างไรก็ตามอาจมีบางคนยังสงสัยว่า usdc กับ usdt นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร?

โดยการจะอธิบายได้นั้นอาจเริ่มจากการทำความเข้าใจพื้นฐานของ Stablecoin ทั้งสองว่าถึงแม้จะเป็น Fiatbacked Stablecoin เหมือนกัน แต่มีรายละเอียดด้านการสำรองเงินตราและความโปร่งใสที่แตกต่างกัน ซึ่งจะสามารถสังเกตได้ตามข้อมูลในตารางด้านล่างนี้: 

คุณลักษณะ USDT (Tether) USDC (USD Coin)
การรองรับมูลค่า ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 โดยสินทรัพย์สำรองอาจรวมถึงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 โดยสินทรัพย์สำรองส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ความโปร่งใส ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใส การตรวจสอบมีความถี่น้อย มีความโปร่งใสสูง มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สามอย่างสม่ำเสมอเพื่อยืนยันสินทรัพย์สำรอง
มูลค่าตลาด เป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด ใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดแลกเปลี่ยน เป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับสอง ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความโปร่งใส
สภาพคล่อง  มีสภาพคล่องสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่นิยมสำหรับการเทรด  มีสภาพคล่องที่ดีเช่นกันแต่น้อยกว่า USDT เล็กน้อย
การปฏิบัติตามกฎระเบียบ  เผชิญกับการตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจัดการสินทรัพย์สำรอง  ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ออกโดย Circle ซึ่งเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
เครือข่ายที่รองรับ  มีให้บริการบนบล็อกเชนหลายเครือข่าย รวมถึง Ethereum, Tron และอื่นๆ  รองรับหลายเครือข่ายเช่นกัน เช่น Ethereum, Solana และ Algorand
การใช้งาน  ใช้ทั่วไปสำหรับการเทรด การโอนเงิน และเป็นเครื่องมือสภาพคล่องใน DeFi ใช้หลักๆ สำหรับการชำระเงิน การโอนเงิน และเป็นสื่อกลางที่มีเสถียรภาพในแอปพลิเคชัน DeFi

แม้ว่า USDT และ USDC จะมีจุดมุ่งหมายคล้ายกันในฐานะ stablecoin ที่ผูกมูลค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในตลาดคริปโต แต่ทั้งสองมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในด้านความโปร่งใส มาตรการความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และกรณีการใช้งาน ผู้ใช้งานจึงควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบก่อนเลือกใช้งานเพื่อการเทรดหรือการลงทุน

ความปลอดภัยและกฎหมายของ USDT

Tether (USDT) ถือเป็นหนึ่งใน stablecoins ยอดนิยมที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยต่อไปนี้เราจะมาดูตัวอย่างเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยและสถานะทางกฎหมายของมัน ในฐานะที่เป็น 1 ใน stablecoin ที่ถูกรู้จักมากที่สุดในตลาด

โดยถึงแม้ว่า USDT จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและมีมูลค่าคงที่ แต่ในปัจจุบันหลายคนยังมีคำถามเกี่ยวกับกลไกความปลอดภัยพื้นฐานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมันซึ่งยังคงสร้างความกังวลในวงกว้าง 

ความปลอดภัยของ USDT

ความปลอดภัยของ USDT ขึ้นอยู่กับการสำรองสินทรัพย์ที่ Tether Limited Inc. ถือครองไว้ อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความโปร่งใสและความเพียงพอของสินทรัพย์สำรองเหล่านี้ นอกจากนี้ USDT ยังตกเป็นเป้าหมายของความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในโลกดิจิทัล เช่น การถูกแฮกหรือการฉ้อโกง

กฎระเบียบและการกำกับดูแล

สถานการณ์ด้านกฎระเบียบของ USDT มีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในสหรัฐอเมริกา หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง SEC สหรัฐ ยังไม่ได้กำหนดสถานะของ USDT ว่าเป็น “หลักทรัพย์” อย่างชัดเจน ประกอบกับยังขาดการกำกับดูแลที่เข้มงวดเมื่อเทียบกับ stablecoin อื่น เช่น USD Coin (USDC) ซึ่งมีการตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอและมาตรการความโปร่งใสที่ชัดเจน

ทั้งนี้สำหรับคำถามที่ว่า usdt ปลอดภัยและถูกกฎหมายไหม คำตอบคือในความเป็นจริง usdt อาจยังมีบางประเด็นเกี่ยวกับความปลอดภัยที่หลายคนกังวล แต่หากมองอีกมุมนึงจะพบว่ามีนักลงทุนหลายคนที่ให้ความเชื่อมั่นใน stablecoin นี้และยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่อง

ข้อดีและข้อเสียของ Stablecoins เทียบกับเงินดิจิทัลอื่นๆ

Stablecoin กลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ ต่างจากสกุลเงินดิจิตอลที่มีความผันผวนสูงอย่าง Bitcoin และ Ethereum ทั้งนี้ เราจะมาดูถึงข้อดีและข้อเสียของ Stablecoin เมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินดิจิตอลที่มูลค่าผันผวนมากกว่า

ข้อดีของ Stablecoins:

  • ความเสถียรของราคา: เนื่องจาก Stablecoin มีมูลค่าคงที่ จึงเหมาะสำหรับการทำธุรกรรมหรือการออมเงินมากกว่าสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง
  • การทำธุรกรรมที่รวดเร็ว: การใช้ stablecoin ช่วยให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าการทำธุรกรรมผ่านระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
  • การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น: Stablecoin ช่วยให้ผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลได้
  • การใช้งานใน DeFi: stablecoin มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เช่น การปล่อยกู้ การกู้ยืม หรือการซื้อขาย โดยไม่มีความผันผวนของราคาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งาน

ข้อเสียของ Stablecoins:

  • การถูกจับตามองจากกฎระเบียบ: เมื่อ stablecoin ได้รับความนิยมมากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มให้ความสนใจ โดยเฉพาะในเรื่องความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค
  • การพึ่งพาสินทรัพย์ที่รองรับ: มูลค่าของ stablecoin จะเสถียรได้ก็ต่อเมื่อสินทรัพย์ที่ใช้รองรับมีเสถียรภาพ หากสินทรัพย์ดังกล่าวสูญเสียมูลค่าหรือมีความไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นใน stablecoin
  • ความเสี่ยงในตลาด: stablecoin ที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์หรือใช้กลไกอัลกอริทึม อาจยังเจอความผันผวนของราคาภายใต้สภาวะตลาดที่ไม่ปกติ

Stablecoin ไม่เพียงช่วยลดความผันผวนของตลาดคริปโต แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการใช้งานทางการเงิน อย่างไรก็ตาม stablecoin ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ความเสี่ยงด้านการหลุดค่าอ้างอิงและการรวมศูนย์ ยังคงเป็นประเด็นที่ควรพิจารณา 

ในปัจจุบันมีเหรียญ Stablecoins จำนวนมากที่ให้นักลงทุนใช้งาน ตัวอย่างที่รู้จักกันดี ได้แก่ USDT, USDC และ DAI ซึ่งแต่ละเหรียญมีโครงสร้างและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเข้าใจว่า เงินดิจิตอลคือเงินแบบไหน และ Stablecoin มีข้อดีข้อเสียอย่างไร จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

Stablecoins คืออะไร? เข้าใจความต่างของ USDT กับ USDC ในปี 2025

อนาคตของ Stablecoins และทิศทางในปี 2024

ตลาดของ stablecoin กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 2025 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การพัฒนาด้านกฎระเบียบ และการยอมรับที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ บทวิเคราะห์นี้จะพาคุณไปสำรวจแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ stablecoin ตัวไหนดีสุด และการเติบโตโดยรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ รวมถึง stablecoin มีอะไรบ้าง ที่น่าสนใจในอนาคต

การเติบโตของตลาดและพลวัตสำคัญ

การคาดการณ์ชี้ให้เห็นว่ามูลค่าตลาดรวมของ stablecoin อาจทะลุ 400 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ซึ่งเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากตัวเลขที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เชื่อว่าปริมาณ stablecoin ในตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก stablecoin สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ชัดเจนในด้านการชำระเงิน การโอนเงินระหว่างประเทศ และการชำระธุรกรรมในระบบการเงินดั้งเดิม (TradFi) รวมถึงการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโต

  • ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ: เมื่อรัฐบาลในหลายประเทศเริ่มกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับ stablecoin สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมจะมีแนวโน้มที่จะนำสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้มาใช้ในกระบวนการของตน ซึ่งจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านจากสกุลเงิน fiat ไปยังสกุลเงินดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยสร้างความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน
  • การพัฒนาทางเทคโนโลยี: ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดต้นทุน ซึ่งทำให้ stablecoin น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานในธุรกรรมระดับโลก

การยอมรับทางกฎหมายและกรอบกฎระเบียบ

ปี 2025 คาดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ stablecoin:

  • การพัฒนากฎหมาย: มีความคาดหวังว่ากฎหมายที่ครอบคลุมเกี่ยวกับ stablecoin จะได้รับการผลักดันในสหรัฐฯ โดยสร้างกรอบในการจดทะเบียน การเปิดเผยข้อมูล และการกำกับดูแลผู้ออก stablecoin ซึ่งจะช่วยให้ตลาดมีความเป็นระเบียบและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
  • สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDCs): การเกิดขึ้นของ CBDCs อาจสร้างระบบนิเวศที่มีการกำกับดูแลมากขึ้นสำหรับ stablecoin การร่วมมือระหว่างผู้ออก stablecoin และหน่วยงานรัฐบาลสามารถช่วยเพิ่มการทำงานร่วมกันระหว่างสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ stablecoin รวมเข้ากับระบบการเงินระดับโลกได้ดียิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อย:

  • usdt เท่ากับกี่บาท

อัตราแลกเปลี่ยนของ USDT กับเงินบาทขึ้นอยู่กับตลาดปัจจุบัน โดยทั่วไป USDT ถูกออกแบบให้มูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน 1 USDT ประมาณ 32-35 บาท ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง: usdt เท่ากับกี่บาท (1,900)

  • tether อ่านว่า

Tether อ่านว่า ‘เทเธอร์’ เป็นชื่อของสกุลเงินดิจิทัล USDT ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ถูกผูกมัดกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพของมูลค่า

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง: tether อ่านว่า (10)

  • diem คือ

Diem เป็นโครงการสกุลเงินดิจิทัลที่พัฒนาโดย Facebook ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบการชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยในระดับสากล

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง: diem คือ (10)

  • Stablecoin ตัวไหนดีสุดสำหรับปี 2025?

Tether (USDT) และ USD Coin (USDC): stablecoin สองตัวนี้มีแนวโน้มที่จะยังคงครองตำแหน่งผู้นำในด้านมูลค่าตลาด เนื่องจากฐานผู้ใช้ที่มั่นคงและสภาพคล่องที่สูง ในขณะที่เหรียญใหม่ ๆ อย่าง RLUSD ของ Ripple อาจกลายเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจ ด้วยการเสนอนวัตกรรมใหม่และการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ดีขึ้น