ในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยม การมีกระเป๋าเงินคริปโตที่ปลอดภัยและใช้งานง่ายถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บ แลกเปลี่ยน และโอนเงินคริปโต เมื่อคนหันมาสนใจคริปโตมากขึ้น ก็ทำให้มีกระเป๋าเงินคริปโตถูกสร้างขึ้นมาให้เลือกใช้มากมายหลายรูปแบบ
การเลือกกระเป๋าเงินคริปโตให้เหมาะกับตัวเองเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาให้ดี วันนี้ เราจะมาดูรายละเอียดของ Trust Wallet กระเป๋าเงินคริปโตที่สร้างโดย Binance และจะมาวิเคราะห์คุณสมบัติและจุดเด่นของกระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยมใบนี้ในแง่ของการใช้งานทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป
Trust Wallet ภาพรวมโดยสรุป
Trust Wallet คือ กระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 60 ล้านคนทั่วโลก เป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะใช้งานได้ง่าย และช่วยให้คุณจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างอิสระ ที่สำคัญก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆ ทำให้สามารถรักษาความเป็นส่วนตัวของคุณได้อย่างเต็มที่
กระเป๋าเงินคริปโตนี้ยังรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ที่หลากหลาย ดาวน์โหลดแอพได้ฟรีทั้งบนมือถือ Android และ iPhone รวมทั้งยังมีส่วนเสริมบนเบราว์เซอร์ Chrome ที่มาพร้อมกับเว็บอินเทอร์เฟซที่ดูเรียบง่ายและใช้งานได้อย่างสะดวกบนเดสก์ท็อปอีกด้วย
นอกจากนี้ Trust Wallet ยังรองรับสินทรัพย์คริปโตและ NFT มากกว่า 4.5 ล้านรายการบนบล็อกเชนกว่า 70 เครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum, Solana ไปจนถึง Polygon และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้คุณสามารถกระจายการลงทุนได้หลากหลายในที่เดียว
ก่อนที่จะไปเจาะลึกถึงรายละเอียดเชิงเทคนิค เรามาดูข้อดีและข้อเสียของกระเป๋าเงินชื่อดังนี้กันก่อนดีกว่า:
ข้อดี
- เป็นกระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial
- รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งคริปโตและ NFT กว่า 4.5 ล้านรายการ
- ดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี
- มีฟีเจอร์ Staking ในตัวสำหรับสร้างรายได้แบบ Passive Income
- มีวลีกู้คืน 12 คำเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- รองรับการเชื่อมต่อกับ dApp ที่หลากหลาย
- ค่าธรรมเนียมต่ำหรือแทบไม่มีเลย
ข้อเสีย
- การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตจะต้องผ่านขั้นตอน KYC (Know Your Customer)
- ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยยังคงมีจำกัด
Trust Wallet คือหนึ่งในตัวเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยจุดเด่นที่เน้นความเรียบง่ายและการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานควรพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติมตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของคุณ
Trust Wallet คืออะไร?
Trust Wallet คือ กระเป๋าเงินคริปโตที่เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2017 ในรูปแบบของแอพมือถือ จนกระทั่ง Binance ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพ จึงได้เข้าซื้อกิจการในปี 2018 ปัจจุบันกระเป๋าเงินนี้มีฐานผู้ใช้งานมากถึง 60 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งในวงการที่มีการแข่งขันสูงมากเช่นนี้ เมื่อเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ทีมพัฒนาจึงเพิ่มบริการให้ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ Chrome ได้ด้วย เพื่อช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานหน้าใหม่ได้มากขึ้น
Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องฝากคริปโตไว้กับผู้ให้บริการ แต่สามารถจัดการสินทรัพย์ด้วยตนเองได้ทั้งหมด ต่างจากกระเป๋าเงินแบบฝากไว้กับผู้ให้บริการ (Custodial) อย่าง Coinbase ที่บริษัทจะเป็นคนดูแลเงินให้ แต่สำหรับ Trust Wallet คุณจะเป็นเจ้าของ Private Key และกระเป๋าเงินของคุณแต่เพียงผู้เดียว ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Trust Wallet โดดเด่นกว่ากระเป๋าเงินคริปโตอื่นๆ ในตลาด
ระบบรักษาความปลอดภัย
ในด้านความปลอดภัย Trust Wallet มีระบบป้องกันหลายชั้นที่จะช่วยดูแลสินทรัพย์ของคุณ ทั้งการตั้ง PIN และรหัสผ่านเพื่อป้องกันไม่ให้ Trust Wallet โดนแฮกได้ และยังมี Private Key ที่มาในรูปแบบของรหัสกู้คืนกระเป๋าเงิน 12 คำที่จะช่วยให้คุณกู้คืนกระเป๋าเงินได้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับ แม้คุณจะสามารถดูรหัส 12 คำนี้ในแอพได้ แต่ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสอย่างแน่นหนา แม้แต่ทีมงาน Trust Wallet เองก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
Trust Wallet ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับแอพกระจายอำนาจ (DApps) ได้โดยตรง เช่น Uniswap หรือ PancakeSwap ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถ Staking ผ่านกระเป๋าเงินโดยตรงเพื่อสร้าง Passive Income ได้เลย โดยจะมีเครื่องมือคำนวณบนเว็บไซต์ที่ช่วยประเมินผลตอบแทนที่อาจจะได้รับจากแต่ละเหรียญ
จุดเด่นเรื่องค่าธรรมเนียม
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Trust Wallet คือ ค่าธรรมเนียมถูกมากหรือไม่มีเลย เวลาโอนคริปโต ผู้ใช้งานจะเสียเพียงแค่ค่าแก๊สที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนการแลกเปลี่ยนเหรียญก็มีแค่ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนที่ระบุไว้ชัดเจน ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝง จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้งานง่ายและประหยัด
สินทรัพย์คริปโตที่ Trust Wallet รองรับ
Trust Wallet รองรับสินทรัพย์คริปโตบนเครือข่ายบล็อกเชนมากถึง 70 เครือข่าย ครอบคลุมเครือข่ายยอดนิยมอย่าง Bitcoin, Ethereum, Solana, Polygon, Optimism, Arbitrum และ Binance Smart Chain รวมถึงเครือข่ายอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้คุณสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คริปโตได้หลากหลายในที่เดียว
นอกจากสินทรัพย์คริปโตแล้ว Trust Wallet ยังสามารถจัดเก็บและจัดการ NFT ได้ด้วย โดยรองรับ NFT บนเครือข่ายหลักๆ เช่น Polygon, xDai, Ethereum, Solana, Smartchain, Tezos, Optimism, Avalanche และ Arbitrum ทำให้คุณจัดการทั้งสกุลเงินคริปโตและ NFT ได้สะดวกในแอพเดียว
Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจจริงหรือไม่?
Trust Wallet คือกระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจอย่างแท้จริง นั่นหมายถึงคุณมีอำนาจเต็มที่ในการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณเอง ทั้งการเก็บรักษาและทำธุรกรรมโดยตรงกับผู้อื่น โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง นี่คือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ Trust Wallet แทนกระเป๋าเงินแบบรวมศูนย์อย่าง Coinbase และเพราะมันเป็นกระเป๋าเงินแบบ “Non-Custodial” คุณจึงไม่ต้องสร้างบัญชีหรือยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน (ยกเว้น กรณีที่ต้องการซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต) ทำให้รักษาความเป็นส่วนตัวได้สูง
จุดเด่นสำคัญของ Trust Wallet คือคุณจะได้รับรหัส 12 คำ (Private Key) ตอนเริ่มตั้งค่ากระเป๋าเงิน รหัสนี้จะถูกเข้ารหัสไว้อย่างปลอดภัย แม้แต่ทีมงาน Trust Wallet เองก็เข้าถึงไม่ได้ แต่นั่นหมายความว่าถ้าคุณทำรหัสหายหรือถูกขโมย Trust Wallet จะช่วยกู้คืนให้คุณไม่ได้ ดังนั้น การเก็บรักษารหัส 12 คำนี้ไว้ให้ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Trust Wallet
การทำความเข้าใจเรื่องค่าธรรมเนียมของกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะช่วยให้คุณบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม และได้กำไรจากการลงทุนในคริปโตมากขึ้น เรามาดูกันว่า Trust Wallet มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง
ค่าธรรมเนียมการติดตั้ง
Trust Wallet เป็นแอพที่ใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดาวน์โหลดและติดตั้ง ทั้งบนมือถือและส่วนขยายของ Chrome ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการกระเป๋าเงินที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องจ่ายเงิน
ค่าธรรมเนียมการเก็บรักษา
ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลใน Trust Wallet คุณสามารถเก็บคริปโตไว้มากเท่าใดก็ได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
การรับโอนเงินคริปโตผ่าน Trust Wallet จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ผู้ใช้งานสามารถรับเงินจากกระเป๋าเงินอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับ eWallet อื่นๆ หากคุณต้องการโอนเงินออก มันจะมีค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า “ค่าแก๊ส” ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลธุรกรรมบนเครือข่าย ค่าธรรมเนียมส่วนนี้ไม่ได้เป็นรายได้ของ Trust Wallet แต่อย่างใด แต่จะถูกจ่ายให้กับเครือข่ายที่ใช้ทำธุรกรรม
Trust Wallet จะแสดงค่าธรรมเนียมโดยประมาณก่อนที่คุณจะยืนยันการโอน และคุณสามารถปรับค่าแก๊สได้ตามต้องการ ถ้าตั้งค่าแก๊สสูง ธุรกรรมก็จะเสร็จเร็วยิ่งขึ้น แต่ถ้าตั้งต่ำเกินไป ธุรกรรมก็อาจจะล้มเหลวหรือถูกปฏิเสธ ส่วนการรับ NFT เข้ากระเป๋าก็ไม่มีค่าธรรมเนียมเช่นกัน
ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนโทเค็น
Trust Wallet ไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับการแลกเปลี่ยนโทเค็นภายในแพลตฟอร์ม แต่จะมีอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันระหว่างโทเค็นแต่ละตัว ซึ่งคุณจะเห็นอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวก่อนยืนยันการทำรายการทุกครั้ง ดังนั้น ควรเปรียบเทียบอัตราดังกล่าวกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้แอพแลกเปลี่ยนอื่นๆ เช่น Uniswap, SushiSwap หรือ PancakeSwap ผ่าน Trust Wallet ได้โดยตรงอีกด้วย
ค่าธรรมเนียมการซื้อด้วยบัตรเครดิต/เดบิต
Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจ จึงไม่สามารถรับชำระด้วยสกุลเงินปกติได้โดยตรง แต่พวกเขาได้จับมือกับบริษัทผู้ให้บริการ 3rd Party อื่นๆ เช่น MoonPay และ Simplex เพื่อช่วยให้คุณซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตได้ บริษัทเหล่านี้จะคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น Simplex คิดค่าธรรมเนียม 3.5-5% ต่อการซื้อแต่ละครั้ง ดังนั้น คุณควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
Trust Wallet มีความปลอดภัยมากเพียงใด?
หลายคนสงสัยว่า Trust Wallet ปลอดภัยไหม? มีมาตรการปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้งานอย่างไร? หรือ กระเป๋าเงินนี้จะสามารถปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลของคุณจากการโจรกรรมและภัยคุกคามออนไลน์ได้จริงหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้น ต่อไป เรามาดูระบบรักษาความปลอดภัยของ Trust Wallet กัน
การใช้ PIN หรือ รหัสผ่าน เพื่อความปลอดภัย
Trust Wallet จะให้คุณตั้ง PIN หรือ รหัสผ่าน เพื่อป้องกันคนอื่นเข้าถึงกระเป๋าเงินของคุณได้ ทุกครั้งที่จะเข้าใช้งาน คุณต้องใส่รหัสนี้ก่อน สำหรับมือถือทั้ง Android และ iOS จะใช้ PIN ส่วนบน Chrome จะใช้รหัสผ่าน ทั้ง 2 รูปแบบมีความปลอดภัยเท่ากัน แต่คุณก็จะต้องตั้งรหัสที่คาดเดายากพอสมควร
การจัดเก็บแบบ Non-Custodial
Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจ หรือ Non-Custodial นั่นหมายความว่าคุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์คริปโตของคุณอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องผ่านคนกลางใดๆ ไม่ต้องลงทะเบียนหรือให้ข้อมูลส่วนตัว ทำให้ปลอดภัยจากการรั่วไหลของข้อมูล และไม่ต้องกังวลว่าคนกลางจะโกงหรือถูกแฮก
วลีสำรอง 12 คำ กุญแจสู่ความปลอดภัย
เมื่อสร้างบัญชี Trust Wallet คุณจะได้รับ “Seed Phrase” หรือ วลีสำรอง 12 คำ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงกระเป๋าเงินของคุณ สิ่งสำคัญก็คือ คุณจะต้องเก็บวลีนี้ให้ดี ห้ามเก็บไว้ในมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือ Cloud เพราะอาจจะทำให้ Trust Wallet โดนแฮกได้ และห้ามบอกข้อมูลเหล่านี้แก่ใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือคนแปลกหน้าก็ตาม
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงและวิธีป้องกันเพิ่มเติม
แม้ Trust Wallet จะมีระบบความปลอดภัยที่ดี แต่ภัยคุกคามออนไลน์ยังคงมีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแฮก หลอกลวง หรือ การโจมตีทางไซเบอร์ ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ ผู้ใช้งานควรระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้:
- เก็บข้อมูลส่วนตัวให้เป็นความลับ: อย่าบอก PIN หรือ รหัสผ่าน Trust Wallet กับใครเป็นอันขาด เพราะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะต้องเก็บไว้เป็นความลับ
- ระวังคนหลอกลวงในโลกออนไลน์: มีคนร้ายที่ปลอมตัวเป็นพนักงานหรือผู้ใช้งาน Trust Wallet ในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Telegram หรือ Twitter ห้ามให้ข้อมูลสำคัญกับคนเหล่านี้
- ระวังลิงก์และอีเมลแปลกๆ: อย่ากดลิงก์หรือเปิดอีเมลที่น่าสงสัย เพราะอาจจะมีไวรัสที่ขโมยข้อมูลของคุณได้
- ดูแล Private Key ให้ดี: อย่าเก็บคีย์ส่วนตัวไว้ในมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือที่ที่คนอื่นเข้าถึงได้ ถ้าคีย์ถูกขโมย คนร้ายจะเอาเงินคุณไปได้ทันที
ถ้าจะถามว่า Trust Wallet ปลอดภัยไหม ก็คงจะตอบได้ว่า มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องสินทรัพย์ของคุณได้เป็นอย่างดี แต่ความปลอดภัยก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย คุณจะต้องระมัดระวังและทำตามขั้นตอนความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพราะภัยอันตรายในโลกไซเบอร์มีอยู่เสมอและอาจจะโจมตีคุณเมื่อไหร่ก็ได้
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Trust Wallet
เรามาดูฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ทำให้กระเป๋าเงินนี้น่าใช้งานกันดีกว่า
การ Staking ผ่าน Trust Wallet
Trust Wallet รองรับการ Staking เหรียญคริปโตต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Osmosis, Cosmos, Terra, Tron, BNB, Kava, Algorand และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่ง APY ของแต่ละเหรียญนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความไม่แน่นอนของตลาด เหรียญที่เลือกใช้ และ ระดับความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ เป็นต้น
คุณสามารถใช้เครื่องมือคำนวณผลตอบแทนจากการ Staking บนเว็บไซต์ Trust Wallet เพื่อประมาณการรายได้รายวัน รายเดือน และรายปีได้ อย่างไรก็ตาม มูลค่าของเหรียญที่นำมา Staking อาจจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดได้เช่นกัน
การจัดการ NFT
Trust Wallet จะช่วยให้คุณสามารถเก็บ NFT และสินทรัพย์ภายในเกม NFT ทั้งหมดได้ในที่เดียว โดยใช้เครือข่ายบล็อกเชนเพื่อรักษาความปลอดภัยและเข้ารหัสข้อมูล แพลตฟอร์มนี้รองรับ NFT จากหลายเครือข่าย เช่น Ethereum, Smartchain, Optimism, Solana, Tezos, Avalanche, xDai, Arbitrum และ Polygon ทำให้คุณจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายๆ
dApp บนแพลตฟอร์ม Trust Wallet
Trust Wallet ยังมีส่วน ‘dApps’ ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมของแอพแบบกระจายอำนาจหลายตัว (บางคนก็มักจะเรียกกระเป๋าเงินประเภทนี้ว่า Defi Wallet) คุณสามารถใช้งาน dApp เหล่านี้เพื่อแลกเปลี่ยนโทเค็นและรับผลตอบแทนได้ทันที ทั้งผ่านแอพหรือส่วนขยายบราวเซอร์ โดยมี dApps ดังๆ เช่น Uniswap, PancakeSwap, Curve, 1inch, OpenSea และ Aave ที่ช่วยให้คุณสามารถ Staking ลงทุน ปล่อยกู้ และทำ Yield Farming ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ประสบการณ์การใช้งาน Trust Wallet
จากการทดลองใช้งาน Trust Wallet เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ง่ายมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลมาก่อนก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยมีให้ใช้งานทั้งบน Android, iOS และเป็นส่วนเสริมของเบราเซอร์ Chrome ซึ่งทั้งหมดสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ฟรี
ขั้นตอนการสร้างกระเป๋าเงินใหม่นั้นก็ไม่ซับซ้อนเลย ด้วยอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าและเริ่มต้นใช้งานได้ในเวลาไม่นาน
เว็บไซต์ของกระเป๋าเงินนี้ยังมาพร้อมกับข้อมูลและคำแนะนำที่ละเอียดครบถ้วน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำความเข้าใจฟีเจอร์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยฟีเจอร์ทั้งหมดจะถูกนำเสนอไว้อย่างชัดเจนบนแพลตฟอร์ม
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงบน Google Play และ App Store ก็แสดงให้เห็นว่า Trust Wallet เป็นที่นิยมและใช้งานได้ดี โดยได้คะแนน 4.5/5 บน Google Play และ 4.7/5 บน App Store รวมถึงได้รีวิวดีๆ จากเว็บรีวิวอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่า Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่มีความน่าเชื่อถือ
แม้ว่า Trust Wallet จะเป็นกระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างดี แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการถูกแฮกหรือโจมตีทางไซเบอร์อยู่ ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลกระเป๋าเงินส่วนตัวกับผู้อื่นผ่านช่องทางออนไลน์ใดๆ ก็ตาม
วิธีการโอน ซื้อ และถอนเงินผ่าน Trust Wallet
Trust Wallet เป็นแอพกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ช่วยให้คุณจัดการคริปโตของคุณได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน การซื้อคริปโต หรือการถอนคริปโต ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน
วิธีโอนเงินผ่าน Trust Wallet
วิธีโอนเงินผ่าน Trust Wallet ทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยปกติใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องระวังคือค่าแก๊ส (Gas Fee) ซึ่งอาจจะมีราคาสูงในบางช่วงเวลา ดังนั้น คุณควรเช็คค่าธรรมเนียมก่อนทำการโอนทุกครั้ง
ขั้นตอนการโอนเงินง่ายๆ มีดังนี้:
- เข้าแอพ Trust Wallet
- เลือกเหรียญคริปโตที่ต้องการโอน
- กดปุ่ม ‘ส่ง’ (Send)
- ใส่ที่อยู่กระเป๋าเงินผู้รับให้ถูกต้อง
- ระบุจำนวนเหรียญที่ต้องการโอน
- ตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วกด ‘ยืนยัน’ (Confirm)
วิธีซื้อคริปโตผ่าน Trust Wallet
Trust Wallet ช่วยให้คุณซื้อคริปโตได้สะดวกโดยตรงผ่านแอพ เพียงใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตที่คุณมี โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: กดปุ่ม ‘ซื้อ’ (Buy)
- เริ่มจากการกดปุ่ม ‘ซื้อ’ ในแอพ แล้วเลือกว่าต้องการซื้อคริปโตตัวไหน และจะจ่ายด้วยสกุลเงินอะไร เช่น บาท ดอลลาร์ ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 2: เลือกผู้ให้บริการ
- แอพจะแสดงรายชื่อผู้ให้บริการรับชำระเงินให้เลือก แนะนำให้เปรียบเทียบราคาและค่าธรรมเนียมของแต่ละรายก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันตัวตน (KYC)
- หลังเลือกผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว ระบบจะพาคุณไปยืนยันตัวตน (KYC) บนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการนั้น เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จและชำระเงินแล้ว คริปโตที่ซื้อจะเข้ากระเป๋าเงินของคุณโดยอัตโนมัติ
วิธีถอนเงินจาก Trust Wallet
วิธีถอนเงินจาก Trust Wallet นั้นทำได้ง่ายเช่นเดียวกับการโอน เพราะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการดำเนินการเช่นเดียวกัน เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
วิธีถอนเงินจาก Trust Wallet:
- เลือกเหรียญคริปโตที่ต้องการถอน
- กดปุ่ม ‘ส่ง’ (Send)
- ใส่ที่อยู่กระเป๋าเงินที่คุณต้องการโอนเงินไปให้ถูกต้อง
- ระบุจำนวนเหรียญที่ต้องการถอน
- ตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วกด ‘ยืนยัน’ (Confirm)
หมายเหตุ: ไม่ว่าจะโอน ซื้อ หรือถอนคริปโตใน Trust Wallet คุณควรที่จะตรวจสอบทุกรายละเอียดให้ดีก่อนกดยืนยัน เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด อาจจะทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น และยังไม่สามารถเรียกคืนได้อีกด้วย
การติดต่อและการให้บริการลูกค้าของ Trust Wallet
ตามข้อมูลจากคู่มือสำหรับผู้ใช้งาน Trust Wallet ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ทีมงานซัพพอร์ตของ Trust Wallet มีชื่อเสียงเรื่องการตอบกลับที่รวดเร็ว โดยผู้ใช้งานสามารถติดต่อทีมงานได้ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Telegram และ Twitter
เมื่อเข้าไปที่ส่วน ‘สนับสนุน’ ที่อยู่ด้านล่างของหน้าเว็บไซต์ คุณจะพบกับแบบฟอร์มสำหรับส่งตั๋วแจ้งปัญหาหรือส่งคำถาม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าทีมงาน Trust Wallet จะใช้ระยะเวลาในการตอบกลับคำร้องดังกล่าวภายในกี่วัน
นอกจากนี้ Trust Wallet ยังมีส่วนที่เรียกว่า ‘ชุมชน’ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่าน community.trustwallet.com ภายในแพลตฟอร์มนี้มีทั้งบล็อก ฟอรัม คำถามที่พบบ่อย (FAQ) และการสนทนาในประเด็นต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 60 ล้านคน โอกาสที่จะเจอผู้ใช้งานที่เคยเจอปัญหาเดียวกับคุณจึงมีสูงมาก การเข้าไปถามในฟอรัมจึงเป็นอีกทางเลือกที่ดี แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่งก็คือ ห้ามแชร์ Private Key หรือ ข้อมูลสำคัญใดๆ ของกระเป๋าเงินกับใครในฟอรัมเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินดิจิทัลของคุณ
วิธีการใช้งาน Trust Wallet
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Trust Wallet ไปเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีตั้งค่าสมัครใช้งานกระเป๋าเงินใหม่กันดีกว่า
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดแอป Trust Wallet หรือ ส่วนขยายเบราว์เซอร์
อันดับแรก คุณจะต้องติดตั้งแอพ Trust Wallet หรือ ส่วนขยายที่ใช้งานได้ฟรีผ่านเว็บไซต์ trustwallet.com โดยสามารถเลือกเวอร์ชันที่เหมาะสมตามอุปกรณ์ของคุณได้ เช่น:
- ส่วนขยายเบราว์เซอร์ Chrome สำหรับ Trust Wallet
- แอป Trust Wallet สำหรับ Android
- แอป Trust Wallet สำหรับ iOS
ขั้นตอนที่ 2 สร้างกระเป๋าเงินใหม่
หลังติดตั้งเสร็จ ให้เปิดแอพแล้วเลือก ‘สร้างกระเป๋าเงินใหม่’ จากนั้น ตั้งรหัสผ่านหรือ PIN เพื่อป้องกันกระเป๋าเงินของคุณ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญมากเพื่อป้องกันไม่ให้ Trust Wallet โดนแฮก โดยมือถือจะเป็นการใช้ PIN และส่วนขยาย Chrome จะใช้รหัสผ่าน
ขั้นตอนที่ 3 จัดการ Private Key ให้ปลอดภัย
Trust Wallet จะมอบ Private Key ที่ประกอบด้วยคำ 12 คำ (หรือ วลีสำรอง) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย ห้ามแชร์ข้อมูลนี้ให้กับผู้ใดเป็นอันขาด ให้ทำการจดคำทั้ง 12 คำที่ปรากฏบนหน้าจอของคุณตามลำดับให้ถูกต้อง จากนั้น ทำการยืนยันข้อมูลอีกครั้งโดยเลือกคำตามลำดับเดิม ขั้นตอนนี้จะช่วยยืนยันว่าคุณได้บันทึกข้อมูลไว้อย่างถูกต้อง เพื่อทำการตั้งค่ากระเป๋าเงินให้เสร็จสมบูรณ์
ขั้นตอนที่ 4 เพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลใน Trust Wallet
เมื่อสร้างกระเป๋าเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเริ่มใช้งานได้ 2 วิธี ดังนี้:
- ซื้อคริปโต: ภายในแอพ คุณสามารถซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตได้โดยตรง ให้กดปุ่ม ‘ซื้อ’ จากนั้นเลือกสกุลเงินที่คุณจะใช้ในการชำระเงิน และสกุลเงินคริปโตที่คุณต้องการรับ อย่างไรก็ตาม Trust Wallet ไม่รองรับสกุลเงินเฟียต ดังนั้น การทำธุรกรรมของคุณจะต้องผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่สาม เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอน KYC (การยืนยันตัวตน) สกุลเงินคริปโตที่คุณซื้อจะถูกเพิ่มเข้ามาในกระเป๋าเงินของคุณ
- รับคริปโต: หากคุณต้องการรับคริปโต เช่น Bitcoin คุณสามารถเลือกตัวเลือก ‘รับ’ จากนั้น คัดลอกที่อยู่กระเป๋าเงิน Bitcoin ของ Trust Wallet (ซึ่งเป็น Bitcoin Wallet ที่ใช้งานได้ง่าย) เพื่อใช้ส่งคริปโตจากกระเป๋าเงินอื่น เมื่อธุรกรรมถูกดำเนินการเสร็จสิ้น ระบบจะแจ้งเตือนคุณและบันทึกธุรกรรมไว้ในแท็บที่เกี่ยวข้อง เช่น แท็บ Bitcoin เป็นต้น
การตั้งค่าและใช้งาน Trust Wallet นั้นไม่ยาก แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยให้มาก โดยเฉพาะการเก็บรักษา Private Key 12 คำไว้ให้ดี
Best Wallet: ตัวเลือกกระเป๋าเงินที่ใช้งานแทน Trust Wallet ได้อย่างยอดเยี่ยม
สำหรับผู้ที่มองหาตัวเลือกอื่นๆ ไว้ใช้งานแทน Trust Wallet (เช่น คุณอาจจะมองหาฟีเจอร์อื่นๆ ที่ Trust Wallet ไม่มี เป็นต้น) หรือ กำลังหาว่าจะใช้ Crypto Wallet อันไหนดี หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ที่หลากหลายและครอบคลุมในการใช้งาน Web3 มากยิ่งขึ้น กระเป๋าเงินดิจิทัลตัวนี้ได้รับการออกแบบมาให้เป็นโซลูชันครบวงจรที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานที่เป็นมือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์
Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินคริปโตแบบ Non-Custodial ที่เน้นการใช้งาน Web3 แบบครบวงจร โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 500,000 คนทั่วโลก กระเป๋าเงินนี้รองรับมากกว่า 60 บล็อกเชนและสินทรัพย์คริปโตมากกว่า 1,000 สกุล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการพอร์ตการลงทุนได้หลากหลายในแอปเดียว
Best Wallet ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน โดยได้คะแนน 4.6/5 บน App Store และ 4.2/5 บน Google Play จากรีวิวมากกว่า 15,900 รายการ ซึ่งสะท้อนถึงความพึงพอใจของผู้ใช้ในด้านความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้งาน และฟังก์ชันที่ครบครัน
จุดเด่นหลักข้อหนึ่งของ Best Wallet คือ การเน้นความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมี $BEST โทเค็นของระบบนิเวศที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ผู้ถือครองอีกด้วย
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- ความปลอดภัยระดับสถาบัน: ใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยจาก Fireblocks พร้อมระบบไบโอเมตริกและการยืนยันตัวตน 2 ชั้น
- DEX ในตัว: เชื่อมต่อกับตลาดซื้อขายคริปโตกว่า 200 แห่ง เพื่อการแลกเปลี่ยนโทเค็นทันที
- Staking ในตัว: สร้าง Passive Income ได้โดยตรงจากกระเป๋าเงิน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- Upcoming Tokens: ค้นพบและลงทุนในโทเค็นใหม่ๆ ก่อนเข้าสู่ตลาดหลัก
- รองรับ dApps และเกมมิ่ง: เชื่อมต่อกับแอพ Web3 หลากหลาย รวมถึงแพลตฟอร์ม DeFi และ iGaming
- ไม่ต้องทำ KYC: เริ่มใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน รักษาความเป็นส่วนตัวสูงสุด
- โทเค็น $BEST: มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น รางวัล Staking สูงขึ้น และค่าธรรมเนียมที่ลดลง
เหตุผลที่ทำให้ Best Wallet ใช้งานแทน Trust Wallet ได้
- รองรับบล็อกเชนมากกว่า: Best Wallet รองรับมากกว่า 60 บล็อกเชน ในขณะที่ Trust Wallet รองรับประมาณ 70 เครือข่าย แม้จำนวนจะใกล้เคียงกัน แต่ Best Wallet มีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายข้ามเชน (cross-chain bridges) มากกว่า 20 เชน ทำให้การโอนย้ายสินทรัพย์ระหว่างเครือข่ายทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ความเป็นส่วนตัวสูง: ในขณะที่ Trust Wallet ต้องการการยืนยันตัวตน (KYC) สำหรับการซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต/เดบิต Best Wallet ไม่ต้องการ KYC แม้สำหรับการซื้อด้วยวิธีเดียวกัน ทำให้รักษาความเป็นส่วนตัวได้มากกว่า
- ฟีเจอร์ค้นพบโทเค็นใหม่: Best Wallet มีแท็บ Upcoming Tokens ที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบและลงทุนในโครงการพรีเซลได้ง่าย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ Trust Wallet ไม่มี
- ระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยกว่า: ในขณะที่ Trust Wallet มีข้อจำกัดเรื่องฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย Best Wallet มีระบบความปลอดภัยจาก Fireblocks ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสถาบัน พร้อมการเข้ารหัสขั้นสูงและการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน
- ระบบนิเวศที่ครบวงจรกว่า: Best Wallet นำเสนอระบบนิเวศที่ครบวงจรด้วยโทเค็น BEST ที่ให้สิทธิประโยชน์มากมาย รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมและการเพิ่มผลตอบแทนจากการ Staking
- การเชื่อมต่อกับ iGaming: Best Wallet มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับแพลตฟอร์ม iGaming เช่น Mega Dice ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่สนใจในด้านนี้
- การพัฒนาในอนาคต: Best Wallet มีแผนพัฒนาที่น่าสนใจ เช่น Best Card สำหรับใช้จ่ายด้วยคริปโต, ส่วนขยายเว็บไซต์, NFT Gallery, เครื่องมือเทรดขั้นสูง, ธุรกรรมปลอดค่าแก๊ส และการวิเคราะห์ตลาด
Best Wallet จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกระเป๋าเงินคริปโตที่ครบวงจรกว่า มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีฟีเจอร์ล้ำสมัยที่เหมาะกับการใช้งานในยุค Web3 นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการค้นพบโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ผ่านฟีเจอร์ Upcoming Tokens และการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศ Web3 ที่กว้างขวางกว่า
บทสรุป
หลังจากที่เราได้เรียนรู้กันไปแล้วว่า Trust Wallet คืออะไร เราพบว่า Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีคุณภาพและเหมาะสมสำหรับการใช้งานในหลากหลายระดับ ด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย การออกแบบอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ตัวเลือกที่หลากหลาย และฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ Trust Wallet ถูกออกแบบมาให้เป็นกระเป๋าเงินแบบควบคุมด้วยตนเอง (Non-Custodial Wallet) ที่จะมอบ Private Key 12 คำให้กับคุณ เพื่อช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจมากขึ้นในการจัดเก็บและโอนสินทรัพย์คริปโตของพวกเขาเอง
นอกจากนี้ Trust Wallet รองรับทั้งสินทรัพย์คริปโตและ NFT มากถึงประมาณ 4.5 ล้านรายการ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและครอบคลุมสินทรัพย์ทุกประเภท
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Trust Wallet เป็นที่นิยมก็คือ ค่าธรรมเนียมที่ต่ำหรือบางกรณีไม่มีเลย เหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงินมากจนเกินไป
โดยสรุป Trust Wallet คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าเงินคริปโตที่มีฟีเจอร์ที่ครบครันและใช้งานง่าย อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้ใช้งานใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากกระเป๋าเงินดิจิทัลยังคงมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่เสมอ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
- https://trustwallet.com/assets
- [https://trustwallet.com/blog/the-official-beginners-guide-to-trust-wallet](https://trustwallet.com/blog/the-official-beginners-guide-to-trust-wallet#:~:text=To receive Bitcoin%2C click on,recorded under your Bitcoin tab.)
- https://community.trustwallet.com/c/helpcenter/troubleshooting/17
คำถามที่พบบ่อย
Trust Wallet คืออะไร?
Trust Wallet คือแอพกระเป๋าเงินดิจิทัลจาก Binance ที่ช่วยให้คุณเก็บ โอน และจัดการคริปโตเคอร์เรนซีและ NFT ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งยังเป็น Bitcoin Wallet ที่ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่อีกด้วย แอพนี้เป็นที่นิยมเพราะใช้งานได้ง่าย รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลาย และมีฟีเจอร์ครบครันสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์
Trust Wallet ดีไหม? มีความปลอดภัยหรือไม่?
Trust Wallet เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินที่ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายศูนย์ที่ให้บริการแบบจัดการด้วยตนเอง (Non-Custodial) หมายความว่าผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้ด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใดๆ การดำเนินการในลักษณะนี้ช่วยเพิ่มทั้งความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของสินทรัพย์ที่จัดเก็บอยู่ในกระเป๋าเงิน
Trust Wallet มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?
Trust Wallet ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ นอกจากนี้ การรับเงินจากกระเป๋าเงินอื่นหรือการแลกเปลี่ยนโทเค็นภายในกระเป๋าเงินก็ไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการโอนโทเค็นจาก Trust Wallet ไปยังผู้ใช้งานรายอื่น จะมีการคิดค่าแก๊ส (Gas Fee) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกรรมบนบล็อกเชน
จะถอนเงินจาก Trust Wallet ได้อย่างไร?
กระบวนการถอนเงินจาก Trust Wallet สามารถทำได้โดยการเลือกคริปโตเคอร์เรนซีที่ต้องการถอน จากนั้นระบุที่อยู่กระเป๋าเงินปลายทาง และยืนยันการทำธุรกรรม เพียงเท่านี้เงินก็จะถูกโอนไปยังปลายทางที่คุณระบุ
Trust Wallet สามารถเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารโดยตรงได้หรือไม่?
Trust Wallet ไม่สามารถเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารโดยตรงได้ เนื่องจากเป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายศูนย์ที่ไม่มีผู้ดูแล ซึ่งแตกต่างจากระบบธนาคารแบบดั้งเดิม การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน
จะใช้งาน Trust Wallet อย่างไรให้ปลอดภัยจากการถูกแฮก?
แม้ว่า Trust Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินแบบไม่มีผู้ดูแลจะมีความปลอดภัยในระดับสูง แต่ผู้ใช้งานยังคงต้องระมัดระวังต่อความเสี่ยงจากการแฮกและการฉ้อโกงออนไลน์ เพื่อป้องกันสินทรัพย์ของคุณ ควรปฏิบัติตามมาตรการเบื้องต้น เช่น เก็บรักษา Private Key ในที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลกระเป๋าเงิน Trust Wallet ของคุณบนออนไลน์ และไม่คลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ทราบแหล่งที่มา